แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้ขายกระบือของกลางให้แก่ผู้เสียหายไปแล้วแต่ตั๋วรูปพรรณยังมิจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตาม พระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ.2482 มาตรา 14 การซื้อขายจึงตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 แม้การชำระราคายังโต้เถียงกัน จำเลยยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่ส่วนผู้เสียหายคงมีสิทธิครอบครองเท่านั้น เมื่อจำเลยไปเอากระบือจากผู้เสียหายมาดังนี้ จำเลยยังไม่มีผิดฐานลักทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกจำเลย 1 ปี ตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า กระบือของกลางเป็นของจำเลย ตั๋วพิมพ์รูปพรรณมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ จำเลยได้ขายกระบือให้แก่ผู้เสียหาย แต่ยังมิได้โอนตั๋วพิมพ์รูปพรรณ วันเกิดเหตุ จำเลยไปเอากระบือรายนี้คืนมาผู้เสียหายจึงนำตำรวจไปจับจำเลย หาว่าลักทรัพย์
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม พระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ.2482 มาตรา 14 จะต้องสลักหลังตั๋วรูปพรรณโอนกรรมสิทธิ์โดยนายทะเบียน จดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ และตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ว่า การซื้อขายสัตว์พาหนะจะต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้น เป็นโมฆะ ส่วนเรื่องราคายังโต้เถียงกันอยู่ ผู้เสียหายคงมีสิทธิครอบครองเท่านั้นส่วนความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ กระบือยังเป็นของจำเลยอยู่ เมื่อจำเลยเอากระบือไปจากผู้เสียหาย จำเลยก็ยังไม่มีผิดตามฟ้อง
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น