คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ขายกระบือของกลางให้แก่ผู้เสียหายไปแล้วแต่ตั๋วรูปพรรณยังมิจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตาม พระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ.2482 มาตรา 14 การซื้อขายจึงตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 แม้การชำระราคายังโต้เถียงกัน จำเลยยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่ส่วนผู้เสียหายคงมีสิทธิครอบครองเท่านั้น เมื่อจำเลยไปเอากระบือจากผู้เสียหายมาดังนี้ จำเลยยังไม่มีผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกจำเลย 1 ปี ตามฟ้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า กระบือของกลางเป็นของจำเลย ตั๋วพิมพ์รูปพรรณมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ จำเลยได้ขายกระบือให้แก่ผู้เสียหาย แต่ยังมิได้โอนตั๋วพิมพ์รูปพรรณ วันเกิดเหตุ จำเลยไปเอากระบือรายนี้คืนมาผู้เสียหายจึงนำตำรวจไปจับจำเลย หาว่าลักทรัพย์

ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม พระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ.2482 มาตรา 14 จะต้องสลักหลังตั๋วรูปพรรณโอนกรรมสิทธิ์โดยนายทะเบียน จดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ และตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ว่า การซื้อขายสัตว์พาหนะจะต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้น เป็นโมฆะ ส่วนเรื่องราคายังโต้เถียงกันอยู่ ผู้เสียหายคงมีสิทธิครอบครองเท่านั้นส่วนความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ กระบือยังเป็นของจำเลยอยู่ เมื่อจำเลยเอากระบือไปจากผู้เสียหาย จำเลยก็ยังไม่มีผิดตามฟ้อง

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share