แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษาของลูกหนี้ที่ 1 ในคดีแพ่งซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำที่ดินจำนองพร้อมสิ่งปลูกสร้างของลูกหนี้ที่ 1 ออกขายทอดตลาดแล้วแต่ผู้ซื้อผิดสัญญาไม่ชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีคำสั่งริบมัดจำจำนวน 47,651 บาท ของผู้ซื้อและจ่ายชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องแล้ว เงินมัดจำที่ถูกริบดังกล่าวย่อมเป็นเงินที่ได้จากการเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้จำนองนั้น ซึ่ง ป.พ.พ. มาตรา 732 บัญญัติให้จัดใช้เงินจำนวนสุทธิดังกล่าวแก่ผู้รับจำนองเรียงตามลำดับและถ้ายังมีเงินเหลืออยู่อีกก็ให้ส่งมอบแก่ผู้จำนองต่อมาเมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1 เด็ดขาดและผู้คัดค้านโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำที่ดินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใหม่แล้วปรากฏว่าเงินสุทธิที่ได้จากการขายทอดตลาดใหม่รวมกับเงินมัดจำที่ริบดังกล่าวไม่เพียงพอชำระหนี้จำนองแก่ผู้ร้อง จึงไม่มีเงินเหลือที่จะให้ส่งมอบแก่ลูกหนี้ที่ 1 ผู้จำนองอีก การที่ผู้คัดค้านมีคำสั่งให้ผู้ร้องคืนเงินมัดจำดังกล่าวเพื่อนำเข้าสู่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 ย่อมกระทบถึงสิทธิของผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้มีประกันซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินจำนองดังกล่าวก่อนเจ้าหนี้อื่นตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้จำเลยที่ 1 เด็ดขาดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2547 ผู้คัดค้านได้ส่งบัญชีแสดงรายการรับ-จ่ายเงิน สิ้นสุด ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2548 ของเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ผู้ร้องตรวจและรับรอง และแจ้งให้ผู้ร้องวางเงินเพิ่มจำนวน 47,651 บาท ซึ่งเป็นเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้จ่ายให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องได้ขอให้ผู้คัดค้านมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งดังกล่าว แต่ผู้คัดค้านยกคำร้องและให้ผู้ร้องส่งเงินจำนวนดังกล่าวคืนแก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1
ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้มีคำสั่งยกคำร้องและให้ผู้ร้องคืนเงินจำนวน 47,651 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไป
ศาลล้มละลายกลางไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องและให้ผู้ร้องคืนเงินจำนวน 47,651 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันมีคำสั่งแก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษาของลูกหนี้ที่ 1 ในคดีแพ่ง ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำที่ดินจำนองตามคำพิพากษาของลูกหนี้ที่ 1 ขายทอดตลาดโดยปลอดจำนอง แต่ผู้ซื้อผิดสัญญาไม่ชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีคำสั่งริบเงินมัดจำของผู้ซื้อดังกล่าว โดยผู้ร้องต้องวางเงินเพิ่มจำนวน 47,651 บาท ซึ่งเป็นเงินมัดจำที่ริบจากผู้ซื้อเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2546 เพื่อนำเข้าเป็นกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย เงินมัดจำที่ถูกริบดังกล่าวย่อมเป็นเงินที่ได้จากการเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้จำนองนั้น ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 732 บัญญัติให้จัดใช้เงินจำนวนสุทธิดังกล่าวแก่ผู้รับจำนองเรียงตามลำดับ และถ้ายังมีเงินเหลืออยู่อีก ก็ให้ส่งมอบแก่ผู้จำนอง เมื่อผู้คัดค้านโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำที่ดินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใหม่อีกครั้งหนึ่งได้ราคาเพียง 1,320,000 บาท และรวมกับเงินมัดจำที่ริบดังกล่าว ปรากฏว่าเงินสุทธิที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินจำนองทั้งหมดไม่เพียงพอชำระหนี้จำนองแก่ผู้ร้องซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินดังกล่าวก่อนเจ้าหนี้อื่นในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 96 (3) การที่ผู้คัดค้านมีคำสั่งให้ผู้ร้องคืนเงินมัดจำดังกล่าวเพื่อนำเข้าเป็นกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 เพื่อประโยชน์แก่บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลาย ย่อมกระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้มีประกันซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินจำนองดังกล่าวก่อนเจ้าหนี้
พิพากษากลับเป็นว่า ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้ผู้ร้องคืนเงินจำนวน 47,651 บาท พร้อมดอกเบี้ย แก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 เสีย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ