คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7980/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 132 (1) ทำให้คดีเสร็จไปจากศาล เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งใหม่ให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีจึงไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาอันต้องห้ามตามมาตรา 226 (1)
ศาลชั้นต้นได้สั่งจำหน่ายคดีโดยเห็นว่าโจทก์ทิ้งฟ้องไปแล้ว แต่เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องแสดงเหตุอันสมควร ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์เพื่อทราบข้อเท็จจริง และหากเห็นว่ามีการกระทำหรือการดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยผิดหลงและเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม ศาลชั้นต้นก็ย่อมมีอำนาจเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าวโดยสั่งเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความนั้นเสียได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ที่ได้รับทุนการศึกษาจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ยอมทำงานชดใช้ทุน และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 1,050,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ทนายโจทก์แถลงว่า โจทก์ถูกกระทรวงสาธารณสุขฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดมหาสารคามให้รับผิดในเรื่องทุนการศึกษาของจำเลยทั้งสองอันมีมูลคดีเกี่ยวพันกับคดีนี้ และอยู่ในระหว่างโจทก์ขอเรียกจำเลยทั้งสองในคดีนี้เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าว หากศาลจังหวัดมหาสารคามอนุญาต โจทก์จะถอนฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ จึงขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดพร้อมในวันที่ 26 มกราคม 2547 เวลา 10 นาฬิกา เมื่อถึงวันนัด ฝ่ายโจทก์ไม่มาศาล เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่า ได้รับโทรศัพท์จากบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นทนายโจทก์ว่า รถยนต์เกิดขัดข้องระหว่างการเดินทางมาศาลไม่อาจมาทันตามกำหนดนัดได้ ขอเลื่อนคดี ทนายจำเลยทั้งสองแถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดหรือร้องขอเลื่อนคดีตามกฎหมาย จึงมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ในวันเดียวกันเวลา 16.05 นาฬิกา โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่มีเจตนาที่จะไม่มาศาลตามกำหนดนัด ตอนเช้าวันนี้ทนายโจทก์และผู้รับมอบอำนาจโจทก์เดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานีโดยรถยนต์ส่วนตัว เมื่อมาถึงจังหวัดยโสธรปรากฏว่าเครื่องยนต์ขัดข้อง ทนายโจทก์ได้แจ้งให้ศาลทราบทางโทรศัพท์ก่อนหน้าเวลานัดถึงเหตุขัดข้องดังกล่าว และได้รีบเดินทางทันทีเมื่อซ่อมรถยนต์เสร็จมาถึงศาลก่อนเที่ยงและพร้อมที่จะแถลงต่อศาลชั้นต้นในคดีที่โจทก์ถูกกระทรวงสาธารณสุขฟ้อง ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ขอให้ศาลไต่สวนและยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป
จำเลยทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า ข้ออ้างของโจทก์ว่ารถเสียมิใช่เหตุที่จะอ้างขอเลื่อนคดีทางโทรศัพท์ได้ ทั้งรถเสียมิใช่เหตุจำเป็นตามกฎหมาย การที่โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดโดยมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ถือว่าโจทก์ไม่ติดใจดำเนินคดีต่อไป และเมื่อศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ไม่มีกฎหมายใดให้โจทก์ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้ เพราะไม่มีคดีอยู่ในศาลแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ขอให้งดไต่สวน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีและให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่จำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดี และให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 (1) ทำให้คดีเสร็จไปจากศาล เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งใหม่ให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีเช่นนี้เกิดขึ้นภายหลังคำสั่งจำหน่ายคดีจึงไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (1) จำเลยทั้งสองจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น แต่การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่วินิจฉัยอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (1) เพื่อมิให้คดีล่าช้าโดยไม่จำเป็น ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาใหม่
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองว่า ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาตามคำร้องของโจทก์ได้หรือไม่ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ทิ้งฟ้องแล้ว ไม่มีปรากฏหมายให้อำนาจศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้ หากโจทก์เห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นไม่ชอบ โจทก์ต้องอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 4 การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่และศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของโจทก์นั้นเป็นการไม่ชอบเพราะไม่มีคดีของโจทก์ที่จะให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ต่อไปได้อีกนั้น เห็นว่า แม้ศาลชั้นต้นจะได้สั่งจำหน่ายคดีโดยเห็นว่าโจทก์ทิ้งฟ้องไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มายื่นคำร้องแสดงเหตุอันสมควร ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์เพื่อทราบข้อเท็จจริงและหากเห็นว่ามีการกระทำหรือการดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยผิดหลงและเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม ศาลชั้นต้นก็ย่อมมีอำนาจเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าวโดยสั่งเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ที่จำเลยทั้งสองอ้างว่า คำร้องของโจทก์ไม่ได้แสดงเหตุผลว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งทิ้งฟ้องไปนั้นเป็นการสั่งผิดระเบียบอย่างไร คำร้องของโจทก์จึงไม่ชอบนั้น ข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องของโจทก์ว่า ทนายโจทก์และผู้รับมอบอำนาจโจทก์เดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานีโดยรถยนต์ส่วนตัวเพื่อจะมาศาลให้ทันเวลานัด ปรากฏว่าเมื่อเดินทางมาถึงพื้นที่จังหวัดยโสธร เครื่องยนต์เกิดขัดข้อง ทนายโจทก์โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ศาลก่อนถึงเวลานัดให้แจ้งศาลถึงเหตุขัดข้องและได้รีบเดินทางมาถึงศาลก่อนเที่ยง ขณะที่ศาลและจำเลยพร้อมทนายจำเลยยังอยู่ในห้องพิจารณา โจทก์ไม่มีเจตนาไม่มาศาลตามกำหนดนัดและพร้อมจะแถลงต่อศาลชั้นต้นในคดีที่โจทก์ถูกกระทรวงสาธารณสุขฟ้องโจทก์ไม่ได้ทิ้งฟ้อง เห็นว่า แม้ตามคำร้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างอย่างตรงไปตรงมาว่า คำสั่งทิ้งฟ้องของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งมิชอบอย่างไร แต่เมื่อพิเคราะห์คำร้องของโจทก์แล้วก็พอแปลได้ว่า เป็นการกล่าวอ้างว่า มีการดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง และถึงแม้ความเข้าใจผิดของผู้กระทำไม่ว่าจะเป็นศาลหรือคู่ความหรือเจ้าพนักงานก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ คำร้องของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายอันควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการไต่สวนต่อไป อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองต่อไปว่าโจทก์จงใจทิ้งฟ้องหรือไม่ ตามทางไต่สวนของโจทก์ได้ความว่า ทนายโจทก์และผู้รับมอบอำนาจโจทก์ไม่สามารถมาศาลในวันนัดพร้อมได้ทันตามกำหนดเนื่องจากรถยนต์เสียระหว่างเดินทางมาศาล ได้แจ้งให้ศาลทราบทางโทรศัพท์ 2 ครั้ง โดยมีนายชวลิตเจ้าพนักงานศาลซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มงานช่วยพิจารณาคดีเบิกความรับรองข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยได้ทำรายงานเจ้าหน้าที่เสนอต่อศาล ทนายโจทก์และผู้รับมอบอำนาจโจทก์มาถึงศาลล่าช้ากว่ากำหนดและได้ยื่นคำร้องต่อศาลในวันเดียวกันนั้น จำเลยทั้งสองมิได้นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น ข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่า ทนายโจทก์และผู้รับมอบอำนาจโจทก์รถเสียไม่อาจมาศาลได้ทันตามกำหนด แม้การที่ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีโดยแจ้งให้ศาลทราบทางโทรศัพท์จะไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่จำเลยทั้งสองอ้างก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ทนายโจทก์และผู้รับมอบอำนาจโจทก์มิได้จงใจที่จะไม่มาศาล ที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจสั่งให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ

Share