คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7977/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช็คพิพาทเป็นเช็คผู้ถือ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและประทับตราสำคัญของจำเลยชำระหนี้ให้แก่บริษัท ย. ต่อมาบริษัท ย. ได้สลักหลังโอนขายลดให้โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงและจำเลยผู้ลงลายมือชื่อของตน ในตั๋วเงินย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 900, 904 จำเลยหาอาจต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้สั่งจ่ายหรือผู้ทรงคนก่อน ๆ นั้นได้ไม่ เว้นแต่การโอนจะมีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916, 989 คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยกล่าวเพียงว่ามูลหนี้ในเช็คพิพาท ตามฟ้องได้มีการชำระหนี้ไปเสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น ไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่ใคร หากชำระ ให้ผู้ทรงคนก่อน โจทก์ได้รับโอนมาด้วยคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่ อย่างใด จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้อง จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วชี้ขาด ตัดสินคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คสองฉบับจำนวนเงิน ๕๓๐,๘๘๓.๕๗ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย อัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ อ้างว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียด ชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคสองกำหนดไว้แล้วหรือไม่ โดยจำเลยยื่นคำร้องสรุปได้ว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะไม่เคยได้รับหมายเรียก สำเนาคำฟ้องหรือหมายใด ๆ มาก่อน เนื่องจากที่อยู่ของจำเลยตามที่ระบุในคำฟ้องนั้น เป็นที่ตั้งของบริษัทจำเลยตามที่จดทะเบียนไว้ แต่ความเป็นจริงจำเลยได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว จำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามที่ระบุในฟ้อง มูลหนี้ในเช็คพิพาทตามฟ้องได้มีการชำระหนี้ไปเสร็จสิ้นแล้ว ก่อนหน้านี้โจทก์เคยนำเช็คพิพาทมาฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คที่ศาลแขวงปทุมวัน จำเลยได้ต่อสู้คดีจนชนะคดีโจทก์ในที่สุด โดยจำเลยจะนำพยานหลักฐานดังกล่าวมาเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณา ดังนั้น หากจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีแต่แรกเริ่มคดีแล้วก็ย่อมชนะคดีโจทก์ได้ เห็นว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คผู้ถือ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและประทับตราสำคัญของจำเลยชำระหนี้ให้แก่บริษัทยูนิบราเดอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ต่อมาบริษัทยูนิบราเดอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้สลักหลังโอนขายลดให้โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงและจำเลยผู้ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๐, ๙๐๔ จำเลยหาอาจต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้สั่งจ่ายหรือผู้ทรงคนก่อน ๆ นั้นได้ไม่ เว้นแต่การโอนจะมีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๑๖, ๙๘๙ คำขอ ให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยกล่าวเพียงว่ามูลหนี้ในเช็คพิพาทตามฟ้องได้มีการชำระหนี้ไปเสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น ไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่ใคร หากชำระให้ผู้ทรงคนก่อนโจทก์ได้รับโอนมาด้วยคบคิดกันฉ้อฉล หรือไม่ อย่างใด จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคสอง
พิพากษายืน.

Share