แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 1 แจ้งความแก่พนักงานสอบสวนว่า โฉนดที่ดินของ ม. ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ได้สูญหายไป แล้วนำสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอออกใบแทนโฉนดที่ดินทำให้เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อออกใบแทนโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 แม้ข้อความที่จำเลยที่ 1 แจ้งจะเป็นความเท็จเพราะความจริงโฉนดที่ดินอยู่ที่โจทก์ แต่จำเลยที่ 1 กระทำต่อเจ้าพนักงานมิได้พาดพิงไปถึงโจทก์อันจะถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง หลักฐานใบแทนโฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานที่ดินออกให้แก่จำเลยที่ 1คงมีรายการสาระสำคัญเช่นเดียวกับโฉนดที่ดินที่ถูกยกเลิกไป สิทธิของโจทก์ หากจะพึงมีพึงเป็นอย่างไรในฐานะทายาท หรือเจ้าหนี้กองมรดกก็คงมีอยู่ ตามเดิม มิได้ถูกกระทบกระเทือนเนื่องจากการกระทำของจำเลยที่ 1 เพราะ โจทก์ยังคงมีสิทธิเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินในฐานะทายาทของ ม. และมีสิทธิว่ากล่าวเอาแก่กองมรดกในฐานะเจ้าหนี้ได้เช่นเดิม โจทก์จึงมิใช่ ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวนว่า จำเลยที่ 1 ทำโฉนดที่ดินเลขที่ 26255 ของนายเมา ทองคำสุกสูญหายไปโดยมีจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ยุยงส่งเสริมและให้การสนับสนุน ทำให้โจทก์หรือประชาชนเสียหาย จำเลยทั้งสามร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานที่ดินจดข้อความอันเป็นเท็จในบันทึกถ้อยคำอันเป็นเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานว่าโฉนดที่ดินดังกล่าวได้สูญหายไป โดยจำเลยที่ 1 ใช้รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีที่พนักงานสอบสวนทำขึ้นอ้างประกอบการขอออกใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 26255 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองท้องที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อออกใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 26255 ให้จำเลยที่ 1 โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ ทั้งนี้ความจริงจำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่าโจทก์เป็นผู้เก็บรักษาโฉนดที่ดินเลขที่ 26255 ไว้ในฐานะเจ้าของรวมและเจ้าหนี้กองมรดก โจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นบุตรของนายเมา ที่ดินตามโฉนดพิพาทจึงตกทอดแก่โจทก์และทายาท การกระทำของจำเลยทั้งสามก็เพื่อนำใบแทนโฉนดที่ดินดังกล่าวไปขอรับโอนมรดกมาเป็นของจำเลยที่ 1 ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 157, 267, 268, 83, 86, 90, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267, 268 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จตามมาตรา 267 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 รวม 2 กระทง แต่การกระทำความผิดในกระทงแรกจำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 267 ด้วย จึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 วรรคสอง กระทงเดียวจำคุก 1 ปี และลงโทษฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ กระทงที่สอง จำคุก 1 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปยกฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์มีคำสั่งรับเฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นอกนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนนี้
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 จำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตาย
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2ทั้งหมดไว้พิจารณาต่อไป และเมื่อจำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3 จึงระงับไปไม่จำต้องสั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3 อีก
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 แจ้งความแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอประโคนชัยว่า โฉนดที่ดินของนายเมาซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ได้สูญหายไป แล้วนำสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอออกใบแทนโฉนดที่ดินทำให้เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อออกใบแทนโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 แม้ข้อความที่จำเลยที่ 1 แจ้งจะเป็นความเท็จเพราะความจริงโฉนดที่ดินอยู่ที่โจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 กระทำต่อเจ้าพนักงาน มิได้กล่าวพาดพิงไปถึงโจทก์ อันจะถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง หลักฐานในใบแทนโฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานที่ดินออกให้แก่จำเลยที่ 1 คงมีรายการสาระสำคัญเช่นเดียวกับโฉนดที่ดินที่ถูกยกเลิกไปสิทธิของโจทก์หากจะพึงมีพึงเป็นอย่างไรในฐานะทายาทหรือเจ้าหนี้กองมรดกก็คงมีอยู่ตามเดิมมิได้ถูกกระทบกระเทือนเนื่องจากการกระทำของจำเลยที่ 1 เพราะโจทก์ยังคงมีสิทธิเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินในฐานะทายาทของนายเมาและมีสิทธิว่ากล่าวเอาแก่กองมรดกในฐานะเจ้าหนี้ได้เช่นเดิม โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายย่อมไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน