แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้วางระเบียบไว้ว่าใบสุทธิและใบรับรองให้ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการหรือผู้รักษาการแทนเท่านั้น เป็นผู้ลงชื่อสกุลพร้อมด้วยตำแหน่งจำเลยเช่ากิจการโรงเรียนราษฎร์ที่อยู่ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการจาก ส. ซึ่งได้รับอนุญาตให้เปิดทำการสอนนักเรียนได้ ระหว่างที่จำเลยเช่านั้นตำแหน่งครูใหญ่ว่างอยู่ ส. จึงยื่นเรื่องราวขอบรรจุจำเลยเป็นผู้จัดการและครูใหญ่แต่ก่อนที่ทางการจะสั่ง ส. ได้ไปขอถอนเรื่องคืนระหว่างที่ ส. ยื่นเรื่องราวไว้นั้นจำเลยได้ลงชื่อในใบสุทธิให้แก่นักเรียนไปโดยบางฉบับระบุว่าเป็นครูใหญ่ บางฉบับว่าอาจารย์ใหญ่ ดังนี้ เป็นการปลอมตนว่าเป็นผู้มีอำนาจลงนามในเอกสารนั้น เอกสารนี้จึงไม่ใช่เอกสารที่แท้จริง เพราะไม่ได้ลงนามผู้ที่มีอำนาจจะออกใบสุทธิได้ แม้ข้อความในใบสุทธินั้นเป็นความจริง ก็มิใช่ว่าเอกสารปลอมจะมีข้อความตรงกับความจริงมิได้สารสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยมีอำนาจลงนามในเอกสารนั้นได้หรือไม่การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งไม่ได้เป็นครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการหรือผู้รักษาการแทนในตำแหน่งดังกล่าวของโรงเรียนพาณิชยการนนทบุรีซึ่งเป็นโรงเรียนราษฎร์ ประเภทอาชีวะศึกษา ได้บังอาจปลอมเอกสารใบสุทธิของโรงเรียนดังกล่าวรวม 75 ฉบับ ออกให้แก่นายสุรินทร์กับพวกรวม 75 คน ซึ่งเป็นนักเรียนของโรงเรียนดังกล่าว จำเลยได้บังอาจลงลายมือชื่อของจำเลยในใบสุทธิในตำแหน่งครูใหญ่บ้าง อาจารย์ใหญ่บ้างผู้รักษาการแทนอาจารย์ใหญ่บ้าง โดยไม่มีอำนาจ เป็นการผิดต่อระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยใบสุทธิและใบรับรองของโรงเรียน พ.ศ. 2500 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. 2497ได้วางระเบียบกำหนดให้ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการ หรือผู้รักษาการแทนเท่านั้นเป็นผู้ลงชื่อหรือชื่อสกุลพร้อมด้วยตำแหน่งในใบสุทธิ ดังสำเนาระเบียบกระทรวงศึกษาธิการท้ายฟ้อง การปลอมใบสุทธิดังกล่าวเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารถูกต้องแท้จริง เป็นเหตุให้กระทรวงศึกษาธิการและนายสุรินทร์กับพวกได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264พระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. 2497 มาตรา 6
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคแรก ให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้เช่ากิจการของโรงเรียนพาณิชยการนนทบุรีจากนางสุดาซึ่งได้รับอนุญาตจากทางราชการให้เปิดทำการสอนนักเรียนได้ระหว่างที่จำเลยเช่านั้น ตำแหน่งครูใหญ่ว่างอยู่ นางสุดาได้ยื่นเรื่องราวขอบรรจุจำเลยเป็นผู้จัดการและเป็นครูใหญ่ แต่ก่อนที่ทางการจะสั่งเรื่องราวที่นางสุดายื่นไว้ นางสุดาได้ไปขอถอนเรื่องราวที่ยื่นไว้นั้นกลับคืนมา ในระหว่างที่นางสุดาได้ยื่นเรื่องราวไว้นั้น จำเลยได้ลงชื่อในใบสุทธิให้แก่นักเรียนไปรวม75 คน โดยบางฉบับว่าเป็นครูใหญ่บางฉบับว่าอาจารย์ใหญ่ โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากทางการให้จำเลยเป็นครูใหญ่หรืออาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนดังกล่าว
วินิจฉัยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้วางระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยใบสุทธิและใบรับรองของโรงเรียน พ.ศ. 2500 ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2500 โดยระเบียบนี้ให้ใช้แก่โรงเรียนทุกประเภทที่อยู่ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการว่า ใบสุทธิและใบรับรอง ให้ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการหรือผู้รักษาการเท่านั้นเป็นผู้ลงชื่อหรือชื่อสกุลพร้อมด้วยตำแหน่ง การที่จำเลยมิได้รับอนุญาตให้เป็นครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ผู้อำนวยการหรือผู้รักษาการแทนของโรงเรียนพาณิชยการนนทบุรีซึ่งอยู่ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการได้ลงชื่อของจำเลยในใบสุทธิของโรงเรียนดังกล่าวนี้ให้แก่นักเรียนผู้ขอรับใบสุทธิไปว่าจำเลยมีตำแหน่งเป็นครูใหญ่หรืออาจารย์ใหญ่ โดยจำเลยไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนามในใบเอกสารนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการปลอมตนว่าตนเป็นผู้มีอำนาจลงนามในเอกสารนั้น กล่าวคือโดยแสดงว่าจำเลยเป็นผู้มีอำนาจลงนามในใบสุทธิตามที่กระทรวงศึกษาธิการวางระเบียบให้ลงนามในตำแหน่งได้ เอกสารนี้จึงไม่ใช่เอกสารที่แท้จริง เพราะไม่ได้ลงนามผู้ที่มีอำนาจจะออกใบสุทธิได้ ใบสุทธิที่จำเลยลงนามในตำแหน่งดังกล่าวที่ออกให้แก่นักเรียนไปนั้นจึงเป็นเอกสารปลอม การกระทำของจำเลยก็เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง แม้ข้อความในใบสุทธิที่จำเลยลงนาม โดยจำเลยไม่มีอำนาจลงนามในตำแหน่งได้นั้นเป็นความจริงก็มิใช่ว่าเอกสารปลอมจะมีข้อความตรงกับความจริงมิได้สารสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยมีอำนาจที่จะลงนามในเอกสารนั้นได้หรือไม่ เหตุนี้การที่จำเลยลงนามตำแหน่งครูใหญ่หรืออาจารย์ใหญ่ในใบสุทธิดังกล่าวให้แก่นักเรียนไปโดยจำเลยไม่มีอำนาจจะลงนามในตำแหน่งเช่นนั้นได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปลอมเอกสาร
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคแรก ให้ลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 1,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30