แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การทำไม้การแปรรูปไม้ และมีไม้อันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองต่างเป็นความผิดได้ในตัวเอง และการกระทำตามที่โจทก์บรรยายฟ้องเป็นความผิดต่างกรรมจึงต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
การแปรรูปไม้ที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 ไม่ว่าจะแปรรูปไม้จำนวนเท่าใดก็มีความผิด ไม่ใช่ต้องแปรรูปไม้เกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตร จึงจะมีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11,48, 69, 73, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507มาตรา 14, 31, 35 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 4, 5, 6, 7, 8, 9ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบของกลาง จ่ายสินบนนำจับแก่ผู้นำจับ และจ่ายเงินรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย กับให้จำเลยทั้งสองคนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยทั้งสองออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 11, 48, 69 วรรคหนึ่ง, 73 วรรคหนึ่ง, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวาพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, 31 วรรคหนึ่ง, 35 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 4, 5, 6, 7, 8, 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ฐานทำไม้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันแปรรูปไม้ จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันไม้อันยังมิได้แปรรูป จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันรับไว้ด้วยประการใดซึ่งของที่นำเข้ามาโดยหลีกเลี่ยงอากร จำคุกคนละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 24 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 12 เดือน ให้จำเลยทั้งสอง คนงานผู้รับจ้างและบริวารของจำเลยทั้งสองออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ ริบของกลางคำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองประการแรกว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ เห็นว่า การทำไม้ การแปรรูปไม้ และมีไม้อันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองต่างเป็นความผิดได้ในตัวเอง การกระทำตามที่โจทก์บรรยายฟ้องเป็นความผิดต่างกรรมจึงต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองอันเป็นข้อกฎหมายประการต่อไปว่าการแปรรูปไม้ที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 จะต้องมีการแปรรูปไม้เกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตร หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 บัญญัติว่า “ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ห้ามมิให้ผู้ใดแปรรูปไม้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้” หมายความว่า ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ห้ามมิให้ผู้ใดแปรรูปไม้ ไม่ว่าจำนวนเท่าใดก็มีความผิดไม่ใช่จะต้องแปรรูปไม้เกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตรถึงจะมีความผิด
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองประการสุดท้ายว่า สมควรรอการลงโทษให้จำเลยทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันครอบครองเลื่อยโซ่ยนต์จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีไว้สำหรับตัดฟันต้นไม้และแปรรูปไม้ อันเป็นของต้องจำกัดและยังมิได้เสียอากรและเป็นของที่ผลิตในต่างประเทศนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร อีกทั้งการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นภัยต่อทรัพยากรที่สำคัญของประเทศ นับเป็นภัยร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลยทั้งสอง
พิพากษายืน