คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 794/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกอันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้และไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วยกันนั้น ในชั้นฎีกาจำเลยฎีกาเฉพาะค่าเสียหายว่าโจทก์ทั้งสี่ไม่ได้เสียหายตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 1 อันเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาซึ่งเป็นค่าเสียหายที่โจทก์ทั้งสี่จะมีสิทธิเรียกได้ไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเพิกถอนคำคัดค้านการรังวัดสอบเขตที่ดิน โฉนดเลขที่ 33337 และ 5660 ตำบลกุ่มหัก อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ที่คัดค้านไว้ต่อเจ้าหน้าที่รังวัด สำนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรี สาขาหนองแค เมื่อวันที่ 7 และ 8 เมษายน 2542 ตามลำดับ และให้จำเลยยินยอมให้โจทก์ทั้งสี่รังวัดสอบเขตที่ดินทั้งสองแปลงตามแนวเขตที่ดินโจทก์ทั้งสี่ครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง และได้นำชี้แนวเขต ให้จำเลยยอมให้เจ้าหน้าที่รังวัดย้ายหลักเขตที่ดิน หมายเลข 0708 กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม หากจำเลยเพิกเฉยให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสี่วันละ 500 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะเพิกถอนคำคัดค้านการรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ทั้งสี่
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเพิกถอนคำคัดค้านการรังวัดตรวจสอบเขตที่ดิน โฉนดเลขที่ 33337 และ 5660 ที่ได้คัดค้านไว้ต่อเจ้าหน้าที่รังวัด ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรี สาขาหนองแค เมื่อวันที่ 7 และ 8 เมษายน 2542 ตามลำดับ หากจำเลยเพิกเฉยให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า และให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 9 สิงหาคม 2542) จนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา (วันที่ 30 ตุลาคม 2546) แก่โจทก์ทั้งสี่ ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ 3,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เห็นควรให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ระหว่างพิจารณา โจทก์ที่ 1 ถึงแก่กรรม นายมนตรี ทายาทของโจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้จำเลยเพิกถอนคำคัดค้านการรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ทั้งสี่กับให้จำเลยยินยอมให้เจ้าหน้าที่รังวัดย้ายหลักเขตที่รุกล้ำมาในที่ดินโจทก์ทั้งสี่ให้กลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม และเรียกค่าเสียหายให้จำเลยชำระให้แก่โจทก์ทั้งสี่วันละ 500 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะเพิกถอนคำคัดค้านการรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเพิกถอนคำคัดค้านการรังวัดโดยไม่กำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสี่ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 9 สิงหาคม 2542) จนถึงวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา (วันที่ 30 ตุลาคม 2546) แก่โจทก์ทั้งสี่ ปัญหาขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะประเด็นเรื่องค่าเสียหายที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ทั้งสี่ไม่ได้เสียหายตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องชำระแก่โจทก์ทั้งสี่ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยมานั้นต้องห้ามด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้จำเลย ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share