คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งมีชื่อเป็นผู้เสียอากรค่านาหรือเงินค่าบำรุงท้องที่นั้น ต้องถือว่าเสียในนามของเจ้าของร่วม
ผู้ที่ซื้อที่ดินทั้งหมดจากเจ้าของร่วมคนหนึ่ง แม้การซื้อขายจะทำต่ออำเภอและเสียค่าตอบแทนก็ดี ก็ไม่เกิด ภาระติดพันแก่ตัวทรัพย์ เพราะเจ้าของร่วมมีสิทธิ จำหน่ายแต่เฉพาะส่วนของตน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยรุกเข้ามาไถนาในที่นาของโจทก์ ขอให้ห้าม นายแจ้งจำเลยให้การว่าเป็นนาของจำเลย จำเลยอีกสองคน ให้การว่าเข้าทำนาโดยอาศัยสิทธิของนายแจ้ง
ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์รับซื้อที่นาพิพาทไว้จากนางปล้องมารดานายแจ้งจำเลยโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์จึงมีสิทธิ ครอบครอง พิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นารายพิพาทเป็นมรดกที่ตกได้แก่ นางปล้องและบุตรร่วมกัน ขณะนั้นนายแจ้งจำเลยยังไม่ บรรลุนิติภาวะ นางปล้องมารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมและได้ทำนารายพิพาทร่วมกันมา แม้นางปล้องจะมีชื่อเป็นผู้ เสียอากรค่านาหรือเงินค่าบำรุงท้องที่ ก็ต้องถือว่าเสียในนามของมารดาและบุตรร่วมกัน นารายพิพาทจึงไม่เป็นกรรมสิทธิ ของนางปล้องคนเดียว นายแจ้งจำเลยเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย นางปล้องไม่มีสิทธิเอานาทั้งหมดไปขายโดยไม่ได้รับความ ยินยอมจากเจ้าของร่วม แม้โจทก์จะซื้อนาต่ออำเภอและเสียค่าตอบแทนก็ดี ก็ไม่เกิดภาระติดพันแก่ตัวทรัพย์ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๖๑ วรรค ๒ แต่วรรคต้นของมาตรานี้ให้เจ้าของร่วมจำหน่ายส่วนของตนได้ โจทก์จึงเข้าสวมสิทธิของนางปล้อง ในการที่จะเรียกร้องให้แบ่งส่วน
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิที่โจทก์จะฟ้องขอเข้าสวมสิทธินางปล้องใหม่.

Share