คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7910/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายจึงมีประเด็นที่ศาลต้องวินิจฉัยแต่เพียงว่าสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้องหรือไม่เท่านั้น แม้ศาลจะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ก็ไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอดมีสิทธิในที่ดินตาม น.ส.3 อยู่อย่างไร ก็คงมีอยู่อย่างนั้น จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องร้องสอดเข้ามาในคดีนี้เพื่อให้ศาลรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิที่มีอยู่ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรนายหลั่วและนางสุกสุขกลางหรือสุกกลาง นายหลั่วและนางสุกถึงแก่ความตายแล้วขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย

ระหว่างศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้อง ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอให้ยกคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องสอด

ผู้ร้องสอดอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

ผู้ร้องสอดฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องสอดว่า ผู้ร้องสอดมีอำนาจร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย จึงมีประเด็นที่ศาลต้องวินิจฉัยแต่เพียงว่าสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้องขอหรือไม่เท่านั้น แม้ศาลจะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ก็ไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอดมีสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 137 อยู่อย่างไรก็คงมีอยู่อย่างนั้น จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องร้องสอดเข้ามาในคดีนี้เพื่อให้ศาลรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิที่มีอยู่ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องสอดฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share