แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างตึกให้จำเลย และจำเลยตกลงจะให้โจทก์เช่าตึกที่ก่อสร้างขึ้นใหม่สัญญาเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ โจทก์ก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้เมื่อจำเลยผิดสัญญา เพราะเป็นสัญญาต่าตอบแทนชนิดหนึ่ง มิใช่สัญญาเช่าธรรมดา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเดิมโจทก์เช่าห้องของจำเลยซึ่งเป็นห้องแถวไม้ ต่อมาจำเลยต้องการปลูกเป็นตึก จึงขอให้โจทก์ช่วยค่าก่อสร้าง ๕๐,๐๐๐ บาท แล้วจำเลยจะให้โจทก์เช่าตึกใหม่นี้กำหนด ๑๐ ปี โจทก์ออกเงินช่วยค่าก่อสร้าง ๓๕,๐๐๐ บาทและค่าติดตั้งประปา ๕๐๐ บาทให้จำเลยแล้ว ในที่สุดจำเลยกลับเอาตึกที่สร้างใหม่นั้นไปให้คนอื่นเช่า โจทก์จึงต้องไปเช่าห้องที่อื่นค้าขายโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหาย ๑๕๑,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๗๕,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้เงิน ๔๐,๕๐๐ บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
โจทก์และจำเลยฎีกา
ข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหาย เพราะการฟ้องเนื่องจากผิดสัญญาเช่า ซึ่งมิได้ทำเป็นหนังสือนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างให้จำเลยและจำเลยตกลงจะให้โจทก์เช่าตึกที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดหนึ่ง อันมิใช่สัญญาเช่าธรรมดา ซึ่งโจทก์ได้ปฏิบัติตามสัญญานั้นแล้วย่อมบังคับกันได้
ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์