แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้อุทิศที่พิพาทให้เป็นทางสาธารณะแล้ว การอุทิศที่ให้เป็นทางสาธารณะย่อมสมบูรณ์ แม้จะมิได้จดทะเบียน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 506/2490) การที่จำเลยปักเสาลงในที่พิพาทเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งมีที่ดินอยู่ในซอยตากสิน 8 ไม่อาจใช้ซอยดังกล่าวได้เหมือนเดิม ทำให้โจทก์เสียหายเป็นพิเศษกว่าคนอื่นๆ เป็นการละเมิด โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลสั่งให้จำเลยระงับความเสียหายได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1138-1139/2501)
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ซอยตากสิน 8 มีมาประมาณ 20 ปีโดยเจ้าของที่ดินแต่ละรายสละที่ดินของตน รวมทั้งจำเลยด้วย เพื่อเป็นทางสำหรับให้ประชาชนใช้ร่วมกันโจทก์และบริวารใช้สอยซอยตากสิน 8 ผ่านเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ โดยผ่านที่ดินจำเลยเกินกว่า 10 ปีแล้ว ซอยตากสิน 8 จึงเป็นทางภารจำยอม จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้มีทางอยู่เลยจำเลยและ อ. เพิ่งทำเป็นถนนขึ้นเมื่อ พ.ศ.2502 ดังนี้ จำเลยมิได้หลงผิดต่อสู้ว่าทางพิพาทมิได้ตกอยู่ในภารจำยอมแต่อย่างใดและการที่ศาลฟังว่าจำเลยอุทิศที่พิพาทให้เป็นทางสาธารณะแล้ว ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นเพราะโจทก์ได้บรรยายกล่าวอ้างถึงสิทธิของโจทก์ที่จะผ่านเข้าออกทางพิพาทนี้มาในฟ้องแล้ว เพียงแต่กล่าวอ้างเป็นทางภารจำยอมไปเท่านั้น(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 217/2509)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยต่างเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 166 และ 175 ตามลำดับ อยู่ริมซอยตากสิน 8 จำเลยสละที่ดินประมาณ 38 ตารางวาให้เป็นทางไปสู่ถนนเจริญนครทางทิศตะวันออก และไปสู่ถนนตากสินทางทิศตะวันตก สำหรับประชาชนใช้สอยร่วมกัน โจทก์และบริวารใช้ซอยตากสิน 8 ผ่านเข้าออกสู่ถนนสาธารณะโดยผ่านที่ดินจำเลยตรงเนื้อที่ประมาณ 38 ตารางวามาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ซอยตากสิน 8 จึงเป็นทางภารจำยอมตามกฎหมาย จำเลยปักเสากั้นซอยตากสิน 8 ตรงที่ดิน 38 ตารางวาของจำเลย ขอให้จำเลยรื้อถอนเสาที่ปักไว้ออกไปจากซอยตากสิน 8 อันเป็นทางภารจำยอม
จำเลยให้การว่า จำเลยใช้สิทธิในเขตโฉนดของจำเลยโดยชอบ จำเลยไม่เคยสละที่ดินทำทาง ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนเสาที่ปักไว้ในซอยตากสิน 8 ออกไป ห้ามจำเลยและบริวารปักเสาหรือปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ลงในซอยดังกล่าว
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังได้ว่า จำเลยได้อุทิศที่พิพาทให้เป็นทางสาธารณะแล้วการอุทิศที่ให้เป็นทางสาธารณะย่อมสมบูรณ์ แม้จะมิได้จดทะเบียน ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 506/2490 การที่จำเลยปักเสาลงในที่พิพาทเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งมีที่ดินอยู่ในซอยตากสิน 8 ไม่อาจใช้ซอยดังกล่าวได้เหมือนเดิม ทำให้โจทก์เสียหายเป็นพิเศษกว่าคนอื่น ๆ เป็นการละเมิด โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลสั่งให้จำเลยระงับความเสียหายได้ ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1138-1139/2501
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอม ไม่ได้ฟ้องว่าเป็นทางสาธารณะ ทำให้จำเลยหลงผิด ต่อสู้ว่าทางพิพาทมิได้ตกอยู่ในภารจำยอม ได้พิเคราะห์คำฟ้องของโจทก์และคำให้การต่อสู้คดีของจำเลยแล้ว เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องแล้วว่าซอยตากสิน 8 มีมาประมาณ 20 ปี โดยเจ้าของที่ดินแต่ละรายสละที่ดินของตน รวมทั้งจำเลยด้วย เพื่อเป็นทางสำหรับให้ประชาชนใช้ร่วมกัน จำเลยก็ให้การปฏิเสธว่ามิได้มีทางอยู่เลย จำเลยและนายเอนกเพิ่งทำเป็นถนนขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2502 จำเลยจึงมิได้หลงผิดแต่อย่างใด และกรณีไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น เพราะโจทก์ได้บรรยายกล่าวอ้างถึงสิทธิของโจทก์ที่จะผ่านเข้าออกทางพิพาทนี้มาในฟ้องแล้ว เพียงแต่กล่าวอ้างเป็นทางภารจำยอมไปเท่านั้น ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 217/2509
พิพากษายืน