แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การกู้ยืมแลค้ำประกันต้องการหลักฐานเพื่อการฟ้องร้องเท่านั้น หาได้กำหนดแบบให้จำต้องทำอย่างใดไม่ ถึงหากสัญญขาดหลักฐานอันบริบูรณ์ตามกฎหมายก็ไม่เป็นโมฆะสัญญาที่ขาดหลักฐานนั้น ถ้าได้ทำยอมกันต่อศาลแล้วบังคับได้ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง ร.ศ.127 ม.3 เมื่อสามีซึ่งแต่เดิมไม่ได้เป็นคู่ความด้วยมาร้องขัดทรัพย์ปฏิเสธสัญญาที่ภรรยาทำ+ความต่อศาลแล้วก็มีอำนาจ+ต่อสู้ถึงความไม่สมบูรณ์ +หนี้เดิมที่ทำยอมนั้นได้ด้วย
ย่อยาว
คดีนี้จำเลยผิดสัญญายอม โจทก์จึงนำยึดที่ดิน เรือน แลทรัพย์อื่น ๆ ของ +. จำเลยผู้ค้ำประกัน +.ร้องขัดทรัพย์ว่าทรัพย์เหล่านี้เป็นสินบริคณห์ระวางผู้ร้องกับ +. จำเลย
ศาลเดิมแลศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องของ ข. เสีย
ผู้ร้องฎีกาว่าสัญญากู้แลสัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำไว้แก่โจทก์เป็นโมฆะเพราะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แลสัญญายอมที่ +. จำเลยทำไว้ก็เป็นโมฆียะ เพราะผู้ร้องมิได้ยินยอมด้วย
ศาลฎีกาเห็นว่าการกู้ยืมเงินเกินกว่า ๕๐ บาทก็ดี การค้ำประกันก็ดีตามประมวลแพ่ง ม.๖๕๓ วรรค ๑ แล ม.+๘๐ วรรค ๒ ต้องการแต่หลักฐานเพื่อการฟ้องร้องเท่านั้น หาได้กำหนดแบบให้จำต้องทำอย่างใดไม่ ฉะนั้นแม้สัญญา จะมีพะยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ แต่ผู้เดียวก็เป็นแต่ขาดหลักฐานที่จะฟ้องร้องหาถึงแก่ตกเป็นโมฆะไม่ ทั้งจำเลยก็มิได้ยกขึ้นเป็นข้อโต้เถียง ศาลก็มิได้วินิจฉัยในข้อนี้และจำเลยก็ยอมรับชำระหนี้ให้แก่โจทก์ย่อมบังคับกันได้ตามกฎหมาย ส่วนที่ผู้ร้องคัดค้านว่าสัญญายอมเป็นโมฆียะเป็นการเถียงฝืนข้อเท็จจริง เพราะศาลล่างฟังว่าผู้ร้องได้รู้เห็นยินยอมด้วย พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์