คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7894/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนและจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวได้ร่วมกันทำความผิดโดยดัดแปลงอาคารซึ่งได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 21 และ 31 เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพจึงต้องรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องและต้องลงโทษจำเลยทั้งสองตามบทกำหนดโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา 65 และมาตรา 70 แพ่งพ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งในมาตรา 65 วรรคสองยังบัญญัติให้ลงโทษปรับเป็นรายวันอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง อันเป็นบทบังคับให้ศาลต้องลงโทษปรับจำเลยทั้งสองเป็นรายวันอีกด้วย มิได้ให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจที่จะไม่ลงโทษปรับรายวันได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เจ้าพนักงานท้องถิ่นแจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบ โดยทำเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ณ ภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสอง เมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๔๑ ซึ่งเมื่อครบกำหนดเวลา ๓๐ วันแล้ว นับแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๔๑ เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองก็มิได้ดำเนินการแก้ไขหรือยื่นคำขอรับใบอนุญาตก่อสร้างอาคารดังกล่าวหรือดำเนินการแจ้งตามมาตรา ๓๙ ทวิ เหตุเกิดที่แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๒๑, ๓๑, ๖๕, ๗๐ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๑ , ๓๑, ๖๕, ๗๐ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๒ เดือน และปรับจำเลยทั้งสองคนละ ๔,๐๐๐ บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑ เดือน และปรับจำเลยทั้งสองคนละ ๒,๐๐๐ บาท และปรับจำเลยทั้งสองอีกวันละ ๕๐๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๔๑ จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด ๑ ปี จำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่เฉพาะจำเลยที่ ๑ หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว ตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า จำเลยทั้งสองไม่สมควรต้องถูกลงโทษปรับรายวันอีกหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนและจำเลยที่ ๒ ในฐานะส่วนตัวได้ร่วมกันกระทำความผิดโดยดัดแปลงอาคารซึ่งได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ก่อสร้างแบบทาวน์เฮาส์จำนวน ๑๐ ห้อง เป็นอาคารแบบบ้านแฝดตึก ๒ ชั้น ๕ หลัง จำนวน ๑๐ ห้อง อันเป็นการดัดแปลงให้ผิดไปจากแผนผังบริเวณแบบแปลน และรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตเพื่อให้บุคคลเข้าอยู่และเข้าใช้สอยได้เพื่อกิจการพาณิชยกรรมหรือเป็นการกระทำในทางการค้าเพื่อให้เช่า ให้เช่าซื้อ ขายหรือจำหน่ายโดยมีค่าตอบแทนอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๑ และ ๓๑ จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ จึงต้องรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้อง และต้องลงโทษจำเลยทั้งสองตามบทกำหนดโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๖๕ และมาตรา ๗๐ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งในมาตรา ๖๕ วรรคสอง ยังบัญญัติให้ลงโทษปรับเป็นรายวันอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องอันเป็นบทบังคับให้ศาลต้องลงโทษปรับจำเลยทั้งสองเป็นรายวันอีกด้วย มิได้ให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจที่จะไม่ลงโทษปรับรายวันได้ ส่วนการที่จำเลยที่ ๒ อ้างว่ากระทำความผิดในฐานะเป็นผู้แทนของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นนิติบุคคลเท่านั้น ก็ขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ ๒ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ฎีกาของจำเลยทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น_ _ _
พิพากษาแก้เป็นว่า เมื่อลดโทษให้แล้วคงปรับจำเลยทั้งสองอีกคนละวันละ ๒๕๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

นายนิพันธ์ ช่วยสกุล ผู้ช่วยฯ
นางสาวสุดรัก สุขสว่าง ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายอัปษร หิรัญบูรณะ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share