แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือสัญญากู้ยืมเงินมีใจความว่า ถ้าโจทก์ผู้กู้ไม่นำเงินมาชำระคืนแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ให้กู้ตามกำหนดผู้กู้ยินยอมยกบ้านให้แก่ผู้ร้อง และสัญญากู้ยืมไม่ได้กำหนดเวลาชำระเงินคืนไว้ ความตกลงดังกล่าวเป็นกรณีที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ให้กู้ยอมรับเอาทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่ให้กู้ยืมโดยไม่ได้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งทรัพย์สินนั้น ในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบซึ่งขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรคสองความตกลงของโจทก์และผู้ร้องตามสัญญาข้อนี้จึงตกเป็นโมฆะตามมาตรา 656 วรรคสาม ดังนั้น แม้โจทก์ยื่นคำแถลงรวมทั้งเบิกความยืนยันว่าขอยกบ้านให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์บ้านจึงยังคงเป็นของโจทก์ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อย
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจดทะเบียนหย่าและแบ่งสินสมรส ต่อมาคู่ความได้ประนีประนอมยอมความและศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมโดยมีข้อตกลงให้โจทก์มอบเงินแก่จำเลยจำนวน 70,000 บาทเพื่อชำระหนี้แก่บุคคลภายนอกภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2535 หากผิดนัดให้จำเลยบังคับคดีได้ทันที แต่โจทก์ไม่ชำระเงิน จำเลยขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านพิพาทราคา 10,000 บาท โดยอ้างว่าทรัพย์ที่จำเลยนำยึดดังกล่าวนั้นเป็นของโจทก์เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่จำเลยตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า บ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องขอให้สั่งถอนการยึดบ้านพิพาท
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
โจทก์ยื่นคำแถลงว่า โจทก์ได้กู้ยืมเงินผู้ร้องเป็นจำนวน200,000 บาท และมอบบ้านพิพาทเป็นประกันแก่ผู้ร้องโดยสัญญาว่าถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้แก่ผู้ร้องตามกำหนด โจทก์ตกลงยกบ้านพิพาทให้ผู้ร้อง ขณะที่โจทก์ไม่สามารถชำระหนี้แก่ผู้ร้องจึงขอยกบ้านพิพาทให้แก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าโจทก์ใช้บ้านพิพาทเลขที่ 82 ของโจทก์ไปเป็นหลักประกันในการที่โจทก์กู้ยืมเงินจากผู้ร้อง คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิร้องขอให้ปล่อยบ้านพิพาทหรือไม่ เห็นว่า ข้อความที่ระบุไว้ในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินตามเอกสารหมาย ร.1 ข้อ 4มีใจความว่า ถ้าโจทก์ผู้กู้ไม่นำเงินมาชำระคืนแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ให้กู้ตามกำหนด ผู้กู้ยินยอมยกบ้านพิพาทแก่ผู้ร้องและข้อ 3ของสัญญา ซึ่งมีช่องว่างให้กรอกข้อความเพื่อระบุวัน เดือน ปีที่ผู้กู้จะต้องนำเงินมาชำระแก่ผู้ให้กู้ แต่มิได้มีการกรอกข้อความให้ปรากฎว่าโจทก์จะต้องนำเงินที่กู้มาชำระคืนแก่ผู้ร้องในวัน เดือนปีใด จึงเท่ากับไม่ได้กำหนดเวลาชำระเงินคืน ดังนั้น ความตกลงดังกล่าวเป็นกรณีที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ให้กู้ยอมรับเอาทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่ให้กู้ยืมโดยไม่ได้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งทรัพย์สินนั้น ในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบซึ่งขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656วรรคสอง ความตกลงของโจทก์และผู้ร้องตามสัญญาข้อนี้จึงตกเป็นโมฆะ ตามมาตรา 656 วรรคสาม เหตุนี้แม้โจทก์ยื่นคำแถลงรวมทั้งเบิกความยืนยันว่าขอยกบ้านพิพาทแก่ผู้ร้อง ผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาท กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทจึงยังคงเป็นของโจทก์ผู้ร้องไม่มีสิทธิเรียกร้องขอให้ปล่อยบ้านพิพาท เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้ว ข้อที่ผู้ร้องฎีกาว่า การยกให้คดีนี้เป็นการยกให้ซึ่งสังหาริมทรัพย์จึงไม่ต้องจดทะเบียนเพราะเป็นการยกให้เฉพาะตัวบ้านเพื่อให้ผู้ร้องรื้อไปเองนั้น จึงเป็นฎีกาที่ไม่เป็นสาระ เพราะไม่อาจทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน