คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7855/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดจะต้องฟ้อง คชก. จังหวัด เพื่อให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดเสียก่อนตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 57 วรรคหนึ่งเพราะตราบใดที่คำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดยังไม่ถูกเพิกถอนต้องถือว่าคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดยังมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมายหากไม่ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดภายในกำหนดเวลา คำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัด ย่อมเป็นที่สุดตามมาตรา 57 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 56 โจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทจากจำเลยที่ 1 ซึ่งขายนาดังกล่าวให้แก่จำเลยที่2 ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดนนทบุรีที่วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิซื้อนาพิพาท โจทก์คชก.จังหวัดนนทบุรี เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้อง คชก. จึงต้องฟ้อง คชก.จังหวัดนนทบุรีเพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ จังหวัดนนทบุรี และมิได้มีการเรียก คชก.จังหวัดนนทบุรีเข้ามาเป็นคู่ความในคดีด้วยโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองโดยลำพังให้ขายนาพิพาทแก่โจทก์อันแตกต่างไปจากคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดนนทบุรีได้แม้ คชก. จังหวัดนนทบุรีจะมิได้มีฐานะเป็นนิติบุคคลก็ตาม โจทก์ก็ย่อมฟ้องตัวบุคคลที่ประกอบเป็นคณะกรรมการได้ การยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับอำนาจฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทที่โจทก์ยกขึ้นอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในการฟ้องคดีของโจทก์ว่ามีอยู่จริงหรือไม่นั้น สมควรที่จะไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 3634 ตำบลบางคูรัดอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรีจากจำเลยที่ 1 เพื่อทำเกษตรกรรม วันที่ 5 ตุลาคม 2530 จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 โดยมิได้แจ้งต่อโจทก์ โจทก์ยื่นหนังสือขอให้ คชก. ตำบลบางคูรัด วินิจฉัยว่าโจทก์เป็นผู้เช่านาและขอซื้อที่นาดังกล่าว คชก. ตำบลบางคูรัดมีคำวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นผู้เช่ามีสิทธิซื้อนาคืนได้จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลบางคูรัด ต่อ คชก. จังหวัดนนทบุรีคชก. จังหวัดนนทบุรีมีคำวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เช่านา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้พิพากษากลับคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดนนทบุรี โดยวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นผู้เช่านาและมีสิทธิซื้อที่นาคืนจากจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะประเด็นตามคำฟ้องเป็นข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นระหว่างโจทก์กับ คชก. จังหวัดนนทบุรี เมื่อโจทก์ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดนนทบุรี ก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยนั้นต่อศาล จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง มติของ คชก. จังหวัดนนทบุรีชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยทั้งสองแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า กรณีตามคำฟ้อง ดังกล่าวเป็นกรณีที่โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดนนทบุรีกรณีเช่นนี้พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 57 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า “คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาที่ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดมีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดแต่จะต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ คชก.จังหวัดมีคำวินิจฉัย” ซึ่งหมายความว่าโจทก์ซึ่งเป็นคู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่พอใจคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดจะต้องฟ้อง คชก.จังหวัด เพื่อให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดเสียก่อนเพราะตราบใดที่คำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดยังไม่ถูกเพิกถอนต้องถือว่าคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดยังมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย และหากที่โจทก์ไม่ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดภายในกำหนดเวลา คำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดย่อมเป็นที่สุด ตามมาตรา 57 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 คดีนี้โจทก์ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด นนทบุรี ที่วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิซื้อนาพิพาทโจทก์จึงต้องฟ้อง คชก.จังหวัดนนทบุรี เพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดนนทบุรีด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ คชก.จังหวัดนนทบุรีได้มีโอกาสเข้ามาต่อสู้คดีและชี้แจงเหตุแห่งคำวินิจฉัยเพื่อแก้ข้ออ้างของโจทก์การที่โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องให้ศาลวินิจฉัยกลับคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดนนทบุรี เท่ากับขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดนนทบุรี นั่นเอง เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้อง คชก.จังหวัดนนทบุรี เพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยและมิได้มีการเรียก คชก. จังหวัดนนทบุรีเข้ามาเป็นคู่ความในคดีด้วย โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสองเพื่อขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองขายนาพิพาทแก่โจทก์ อันแตกต่างไปจากคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดนนทบุรี แม้คชก. จังหวัดนนทบุรีจะมิได้มีฐานะเป็นนิติบุคคลก็ตามโจทก์ก็ย่อมฟ้องตัวบุคคลที่ประกอบเป็นคณะกรรมการได้ เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้โดยลำพัง กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ถูกจำเลยทั้งสองโต้แย้งสิทธิหรือไม่
อนึ่ง การยกฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นการยกฟ้องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทที่โจทก์ยกขึ้นอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในการฟ้องคดีของโจทก์ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ จึงสมควรที่จะไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องใหม่
พิพากษายืน โดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ภายใน 30 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

Share