คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7854/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น จำเลยได้กระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาผู้เสียหายไปกระทำการค้าประเวณี เพื่อการอนาจาร ทั้งนี้โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขืนใจให้กระทำการค้าประเวณี ครบองค์ประกอบความผิดเกี่ยวกับเพศ ความผิดต่อเสรีภาพและความผิดต่อ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ตามที่ได้กล่าวหาแล้ว โดยถ้อยคำในฟ้อง แสดงให้เห็นถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดอยู่ในตัวพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี อีกทั้งยังมีข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ แล้ว เมื่อพิจารณาประกอบกับจำเลยให้การปฏิเสธโดยตลอด และนำสืบต่อสู้คดีได้ทุกประเด็นถูกต้องตามประเด็น คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม และชอบด้วยกฎหมายแล้ว และที่จำเลยฎีกาว่าคำฟ้องต้องบรรยายว่ามีการกระทำของจำเลยอย่างชัดเจนนั้น ก็เป็นรายละเอียดของการกระทำซึ่งโจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาและจำเลยก็สามารถนำพยานเข้าต่อสู้หักล้างได้ในภายหลังไม่ได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 283, 283 ทวิ, 295, 310, 310 ทวิ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 4, 9, 12
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างการพิจารณาเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2545 นางสาวบุญธรรม ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสี่, 12 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง, 295, 310 วรรคหนึ่ง, 310 ทวิ เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาไปซึ่งนางสาวพรพรรณเพื่อให้กระทำการค้าประเวณีโดยขู่เข็ญ ให้กำลังประทุษร้าย หรือข่มขืนใจด้วยประการใด ๆ เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 5 ปี กระทงหนึ่ง ฐานเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปซึ่งนางสาวแสงเดือนเพื่อให้กระทำการค้าประเวณีโดยขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขืนใจด้วยประการใด ๆ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 5 ปี กระทงหนึ่ง ฐานเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งนางสาวอ้อยเพื่อให้กระทำการค้าประเวณีโดยขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้าย หรือข่มขืนใจด้วยประการใด ๆ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 5 ปี กระทงหนึ่ง ฐานเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งนางสาวนันทิยาอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี เพื่อให้กระทำการค้าประเวณี โดยขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขืนใจด้วยประการใด ๆ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 7 ปี กระทงหนึ่ง ฐานเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งนางสาวบุญธรรม อายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี เพื่อให้กระทำการค้าประเวณีโดยขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขืนใจด้วยประการใด ๆ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 7 ปี กระทงหนึ่ง ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง นางสาวนันทิยา ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อข่มขืนใจให้กระทำการค้าประเวณี เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 10 ปี กระทงหนึ่ง ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังนางสาวแสงเดือน ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อข่มขืนใจให้กระทำการค้าประเวณี เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 10 ปี กระทงหนึ่ง ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังนางสาวบุญธรรม ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อข่มขืนในให้กระทำการค้าประเวณี เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 10 ปี อีกกระทงหนึ่ง รวมจำคุก 59 ปี จำเลยมามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนเป็นเหตุบรรเทาโทษอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง สมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสี่ คงจำคุก 44 ปี 3 เดือน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น จำเลยได้เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาผู้เสียหายไปกระทำการค้าประเวณีเพื่อการอนาจาร ทั้งนี้โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้ายใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายและใช้กำลังประทุษร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย เพื่อข่มขืนใจให้กระทำการค้าประเวณี ซึ่งคำฟ้องดังกล่าวเป็นการบรรยายที่ครบองค์ประกอบของความผิดเกี่ยวกับเพศ ความผิดต่อร่างกาย ความผิดต่อเสรีภาพ และความผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ตามที่ได้กล่าวหาแล้ว โดยถ้อยคำในคำฟ้อง แสดงให้เห็นถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดอยู่ในตัวพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี อีกทั้งยังมีข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ แล้ว เมื่อพิจารณาประกอบกับจำเลยให้การปฏิเสธโดยตลอดและนำสืบต่อสู้คดีได้ถูกต้องตามประเด็น คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุมและชอบด้วยกฎหมายแล้ว และที่จำเลยฎีกาว่าคำฟ้องต้องบรรยายว่ามีการกระทำของจำเลยอย่างชัดเจนนั้น เป็นเพียงรายละเอียดของการกระทำซึ่งโจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาและจำเลยก็สามารถนำพยานหลักฐานเข้าสืบต่อสู้หักล้างได้ในภายหลัง ไม่ได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด…
พิพากษายืน.

Share