แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องได้เลิกกิจการแล้วผู้ร้องจึงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะจ้างผู้คัดค้านต่อไป กรณีมีเหตุสมควรที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งหมดได้ ดังนี้ ที่ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่ากิจการของผู้ร้องจะยุบเลิกหรือหยุดดำเนินกิจการได้ต่อเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้ยุบเลิกหรือหยุดดำเนินการออกใช้บังคับ จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลจะวินิจฉัยเพราะการที่ผู้ร้องยุบเลิกกิจการหรือหยุดดำเนินการจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จะต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาหรือไม่ไม่เกี่ยวกับการที่ผู้ร้องขออนุญาตเลิกจ้างผู้คัดค้านในคดีนี้ เมื่อได้ความว่าผู้ร้องได้เลิกกิจการแล้ว ผู้ร้องก็ชอบที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านซึ่งเป็นคณะกรรมการลูกจ้างได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมีพลเรือตรีประกอบ จันทศรี เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการมีอำนาจดำเนินการแทนผู้ร้องได้ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๓๑คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ผู้ร้องดำเนินกิจการจนถึงเดือนกันยายน ๒๕๓๑ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้อนุมัติเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๑ ให้ผู้ร้องหยุดดำเนินกิจการตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑ คณะกรรมการบริหารกิจการของผู้ร้องจึงมีมติให้พนักงาน ลูกจ้าง ของผู้ร้องทุกคนพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ และให้ได้รับเงินบำเหน็จ เงินชดเชย (น่าจะเป็นค่าชดเชย) ตามกฎหมายและได้เลิกจ้างลูกจ้างทุกคน ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑ เป็นต้นไปแต่เนื่องจากลูกจ้างตามบัญชีรายชื่อท้ายคำร้องเป็นคณะกรรมการลูกจ้าง การเลิกจ้างต้องขออนุญาตจากศาล ผู้ร้องจึงขอให้ศาลอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างลูกจ้างดังกล่าว โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑ ด้วย
กรรมการลูกจ้างที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๕ และที่ ๑๐ ยื่นคำร้องคัดค้านว่า การที่ผู้ร้องจะหยุดดำเนินกิจการและโอนกิจการให้บุคคลอื่นตามมติของคณะรัฐมนตรี โดยได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้นหาทำได้ไม่ การที่ผู้ร้องจะยุบเลิกหรือหยุดดำเนินกิจการจะต้องตราออกเป็นพระราชกฤษฎีกา เพราะมติของคณะรัฐมนตรีไม่ใช่กฎหมาย การหยุดดำเนินกิจการและโอนกิจการให้บุคคลอื่น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายถือได้ว่าผู้ร้องยังไม่มีการหยุดดำเนินกิจการแต่อย่างใด ทั้งผู้ร้องยังไม่หยุดดำเนินกิจการผู้ร้องยังคงเปิดดำเนินกิจการและยังมีพนักงานทำงานอยู่กับผู้ร้อง การที่ผู้ร้องจะเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้าง จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน เมื่อศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้เลิกจ้างแล้ว ผู้ร้องจึงจะเลิกจ้างได้แม้ผู้ร้องจะได้รับอนุญาตจากศาลให้เลิกจ้างผู้คัดค้านได้ผู้ร้องจะต้องมีคำสั่งเลิกจ้างอีกครั้งหนึ่ง หามีผลย้อนหลังถึงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑ ตามที่ผู้ร้องขอไม่
กรรมการลูกจ้างที่ ๒ ที่ ๔ ที่ ๖ ถึงที่ ๙ และที่ ๑๑ ไม่คัดค้าน
ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่า ‘ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ร้องเลิกกิจการและเลิกจ้างลูกจ้างทั้งหมด ไม่ประกอบกิจการต่อไป ซึ่งผู้ร้องสามารถกระทำได้เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจต้องปฏิบัติตามมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อผู้ร้องไม่มีเหตุจำเป็นที่จะจ้างผู้คัดค้านต่อไป จึงมีเหตุสมควรที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งหมดได้ จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างคณะกรรมการลูกจ้าง คือ ผู้คัดค้านที่ ๑ ถึงที่ ๑๑ ได้ ส่วนที่ผู้ร้องขอให้การเลิกจ้างมีผลย้อนหลังเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑ด้วย ให้ยกเสีย
ผู้คัดค้านที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๕ และที่ ๑๐ อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ‘ผู้คัดค้านที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๕และที่ ๑๐ อุทธรณ์ว่าการจัดตั้งกิจการผู้ร้องซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายเป็นการจัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การผลิตอาหารสำเร็จรูป พ.ศ. ๒๔๙๘ การจัดตั้งกิจการดังกล่าวต้องอาศัยอำนาจของกฎหมาย มิใช่เป็นการจัดตั้งขึ้นตามมติของคณะรัฐมนตรีดังนั้น การที่กิจการของผู้ร้องจะยุบเลิกหรือหยุดดำเนินกิจการก็ต้องอาศัยอำนาจของกฎหมายโดยต้องตราออกมาเป็นพระราชกฤษฎีกา ให้ยุบเลิกหรือหยุดดำเนินกิจการของผู้ร้องเท่านั้น การที่ผู้ร้องต้องหยุดดำเนินกิจการตามมติของคณะรัฐมนตรี จึงหาอาจทำได้ไม่ เพราะว่ามติของคณะรัฐมนตรีไม่ใช่กฎหมาย จึงถือได้ว่าผู้ร้องยังมิได้มีการหยุดดำเนินกิจการแต่อย่างใด การที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้ง ๑๑ คน จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายพิเคราะห์แล้วเห็นว่าศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องได้เลิกกิจการตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑ ผู้ร้องจึงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะจ้างผู้คัดค้านต่อไป กรณีมีเหตุสมควรที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านทั้งหมดได้ ดังนี้ ที่ผู้คัดค้านที่ ๑ ที่ ๓ที่ ๕ และที่ ๑๐ อุทธรณ์ว่ากิจการของผู้ร้องจะยุบเลิกหรือหยุดดำเนินกิจการได้ ต่อเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้ยุบเลิกหรือหยุดดำเนินการออกใช้บังคับจึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลจะวินิจฉัยเพราะการที่ผู้ร้องยุบเลิกกิจการหรือหยุดดำเนินการจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จะต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาหรือไม่ไม่เกี่ยวกับการที่ผู้ร้องขออนุญาตเลิกจ้างผู้คัดค้านในคดีนี้ เมื่อได้ความว่าผู้ร้องได้เลิกกิจการแล้วจริงตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑ ผู้ร้องก็ชอบที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๕ และที่ ๑๐ ซึ่งเป็นคณะกรรมการลูกจ้างได้…’
พิพากษายืน.