คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หมิ่นประมาทเขาทางหนังสือแม้ในหนังสือจะมิได้กล่าวเจาะจงถึงผู้เสียหายโดยตรง คือกล่าวว่าเป็นการสุดแสนจะทนดูพวกมหาดไทยเล่นสกปรกต่อไปฯลฯนั้นเมื่อทางพิจารณาได้ความว่า พวกมหาดไทยนั้นจำเลยหมายถึงผู้เสียหายดังนี้จำเลยก็ย่อมมีผิดฐานหมิ่นประมาทผู้เสียหาย
การที่จะได้รับยกเว้นตามมาตรา 283 นั้น จะต้องเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต อันต้องด้วยลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 283 ถ้าเป็นเรื่องใส่ความโดยปราศจากความจริงแล้วไม่เป็นข้อแก้ตัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบังอาจใส่ความหมิ่นประมาทนายเคลื่อนปลัดจังหวัดชุมพร กับนายกลับ จ่าจังหวัดชุมพร ฯลฯ ขอให้ลงโทษ

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 283, 284 ให้ลงโทษตามมาตรา 284 ปรับ 200 บาท

โจทก์ จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาในข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ได้ความว่าจำเลยทำหนังสือยื่นต่อข้าหลวงประจำจังหวัด หนังสือนั้นมีข้อความว่า “หนังสือของข้าพเจ้าฉบับนี้ จนบัดนี้กรมการคลังข้าวไม่ตอบ และเมื่อข้าวที่กรุงเทพฯ ส่งมาก็เที่ยววิ่งเต้นหาพาหนะขนส่งเสียเองโดยราคาสูงผิดธรรมดาข้าหลวงทราบเรื่องก็ไม่ว่า กลับสนับสนุน เป็นการสุดแสนจะทนดูพวกมหาดไทยเล่นสกปรกต่อไป แต่ข้าพเจ้าไม่มีอำนาจอะไร จึงต้องระงับไว้เพียงนี้ ขืนพูดหรือทำไป ภัยก็จะมาถึงตัว” ศาลฎีกาเห็นว่าจริงอยู่ข้อความในหนังสือของจำเลยจะมิได้กล่าวเจาะจงถึงตัวนายเคลื่อนนายกลับโดยตรง แต่ที่จำเลยว่าพวกมหาดไทย นั้น ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยหมายถึงนายเคลื่อนนายกลับผู้เสียหายในคดีนี้เอง ฉะนั้นคนทั้ง 2 นี้ จึงเป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้นายเคลื่อน นายกลับผู้มีส่วนในข้อที่จะได้รับความยกเว้นโทษฐานทำหมิ่นประมาทตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 283 นั้น ความหมายของมาตรานี้จะต้องได้ความว่า จำเลยได้แสดงความคิดเห็นของจำเลยโดยสุจริต อันต้องด้วยลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดใน 4 ประการดังบัญญัติไว้แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยกล่าวใส่ความเอาผู้เสียหาย ดังโจทก์ระบุข้อความมาตรานี้คิดเห็นโดยสุจริตไม่ จึงไม่ได้รับความยกเว้น

จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share