คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7843/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยปลอมปนน้ำมันเครื่องอันเป็นเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อจำหน่ายและเพื่อให้บุคคลอื่นใช้และขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 236 นั้น ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 236 จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงว่าการปลอมปนนั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพด้วย แต่โจทก์มิได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงนั้นไว้ในฟ้องแต่อย่างใด ส่วนคำฟ้องที่โจทก์ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฯ มาตรา 31, 52 นั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ใช้เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตอันจะเป็นความผิดตามกฎหมายดังกล่าวได้ ดังนั้น แม้จำเลยรับสารภาพศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวได้
โจทก์บรรยายฟ้องมาเป็นข้อ 2. ก กับข้อ 2. ข แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยต่างกรรมกัน แต่โจทก์บรรยายการกระทำความผิดของจำเลยหลายข้อหารวมกันในคำฟ้องข้อเดียวกันในข้อ 2. ก ส่วนหนึ่ง และข้อ 2. ข อีกส่วนหนึ่งโดยการกระทำที่บรรยายฟ้องรวมอยู่ในแต่ละข้อหานั้น โจทก์มิได้บรรยายแยกแยะการกระทำของจำเลยให้ปรากฏชัดแจ้งพอที่จะให้เห็นได้ว่า ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตามฟ้องข้อ 2. ก และ 2. ข ในแต่ละข้อหาเป็นแต่ละกรรมแยกต่างหากจากกัน ดังนี้ ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยในทุกข้อหาตามฟ้องข้อ 2. ก และ 2. ข เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันนอกเหนือไปจากคำฟ้องหาได้ไม่ เพราะขัดต่อ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯ มาตรา 26 ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันเวลาใดไม่ปรากฏชัดถึงวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๔๑ เวลากลางวันเกี่ยวพันกัน จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ
๒. ก. จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยผลิตและบรรจุน้ำมันเครื่องยนต์เบนซินสองจังหวะ ยี่ห้อไดเกียว ทูที จำนวน ๖๔ กระป๋อง ยี่ห้อฮอนด้า จำนวน ๓๐ กระป๋อง ยี่ห้อซูซูกิ จำนวน ๘ กระป๋อง โดยไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดตามพระราชกฤษฎีกาและประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมอันเป็นการปลอมปนเครื่องอุปโภคเพื่อจำหน่ายและเพื่อให้บุคคลอื่นใช้ และจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันมีน้ำมันเครื่องยนต์เบนซินสองจังหวะที่ไม่ได้มาตรฐานดังกล่าวไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
๒. ข. จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันปลอมเครื่องหมายการค้าน้ำมันเครื่อง ไดเกียว ของบริษัทไดเกียว จำกัด ผู้เสียหายซึ่งได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ในราชอาณาจักรด้วยการทำปลอมกระดาษที่ใช้ในการผนึกฝากระป๋องให้ปรากฏเครื่องหมายการค้าไดเกียวของผู้เสียหาย แล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันนำเครื่องหมายการค้าดังกล่าวซึ่งเป็นชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ และข้อความในการประกอบการค้าของผู้เสียหายด้วยการทำให้ปรากฏที่สินค้า ที่ฝากระป๋องน้ำมัน ซึ่งเป็นภาชนะสำหรับบรรจุน้ำมันเครื่องเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าน้ำมันเครื่องที่บรรจุอยู่ในภาชนะดังกล่าวเป็นน้ำมันเครื่องที่ผลิตโดยผู้เสียหาย อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๐๘ พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๑๖, ๑๗, ๒๐, ๓๑, ๓๖, ๔๘, ๕๒, ๕๕ ป.อ. มาตรา ๓๒, ๓๓, ๘๓, ๙๑, ๒๓๖, ๒๗๒, ๒๗๓ และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๐๘ ป.อ. มาตรา ๒๓๖, ๒๗๒ (๑), ๒๗๓ และ พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๒๐, ๓๑, ๓๖, ๔๘, ๕๒, ๕๕ ที่แก้ไขแล้ว เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๙๑ ที่แก้ไขแล้ว ความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๐๘ และความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๒๗๓ เป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๐๘ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา ๙๐ ให้จำคุกคนละ ๒ ปี ปรับคนละ ๔๐,๐๐๐ บาท กระทงหนึ่ง ความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๒๗๒ (๑) ให้จำคุกคนละ ๓ เดือน ปรับคนละ ๒,๐๐๐ บาท กระทงหนึ่ง ความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๒๓๖ ให้จำคุกคนละ ๑ ปี ปรับคนละ ๖,๐๐๐ บาท กระทงหนึ่ง ความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๒๐, ๔๘ ให้จำคุกคนละ ๖ เดือน ปรับคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท กระทงหนึ่ง ความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๓๑, ๕๒ ให้จำคุกคนละ ๑ เดือน ปรับคนละ ๕,๐๐๐ บาท กระทงหนึ่ง และความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๓๖, ๕๕ ให้ปรับคนละ ๕,๐๐๐ บาท อีกกระทงหนึ่ง รวมจำคุกคนละ ๓ ปี ๑๐ เดือน ปรับคนละ ๖๘,๐๐๐ บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๑ ปี ๑๑ เดือน ปรับคนละ ๓๔,๐๐๐ บาท เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยทั้งสองกลับตัวต่อไป โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนดคนละ ๒ ปี ตาม ป.อ. มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา ๒๙, ๓๐ ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า เห็นได้ว่า ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองปลอมปนน้ำมันเครื่องอันเป็นเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อจำหน่ายและเพื่อให้บุคคลอื่นใช้ และขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม ป.อ. มาตรา ๒๓๖ มาด้วยนั้น การปลอมปนเครื่องอุปโภคบริโภคอันจะเป็นความผิดตามมาตรา ๒๓๖ ดังกล่าวได้นั้น จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงว่าการปลอมปนนั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพด้วย แต่โจทก์มิได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้ในฟ้องแต่อย่างใด และตามคำฟ้องโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๓๑, ๕๒ มาด้วย แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ใช้เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต อันจะเป็นความผิดตามกฎหมายดังกล่าวได้ ดังนั้น แม้จำเลยทั้งสองจะให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ ศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดตามบทกฎหมายทั้งสองดังกล่าวนี้ได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๒๓๖ และตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๓๑, ๕๒ จึงไม่ชอบ นอกจากนี้ตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าว การที่โจทก์บรรยายฟ้อง ถึงการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองแยกมาเป็น ข้อ ๒. ก กับ ข้อ ๒. ข แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในการกระทำตามฟ้อง ข้อ ๒. ก เป็นความผิดต่างกรรมกับการกระทำตามฟ้อง ข้อ ๒. ข ส่วนการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองตามฟ้อง ข้อ ๒. ก และ ข้อ ๒. ข แต่ละข้อนั้น โจทก์บรรยายการกระทำความผิดของจำเลยหลายข้อหารวมกันมาในคำฟ้องข้อเดียวกันในข้อ ๒. ก ส่วนหนึ่ง และข้อ ๒. ข อีกส่วนหนึ่ง โดยการกระทำที่บรรยายฟ้องรวมอยู่ในแต่ละข้อนั้น โจทก์มิได้บรรยายแยกแยะการกระทำของจำเลยให้ปรากฏชัดแจ้งพอที่จะให้เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง ข้อ ๒. ก ในแต่ละข้อหาเป็นแต่ละกรรมแยกต่างหากจากกัน และให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง ข้อ ๒. ข ในแต่ละข้อหาเป็นแต่ละกรรมแยกต่างหากจากกัน ดังนี้ ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในทุกข้อหาตามฟ้องข้อ ๒. ก และทุกข้อหาตามฟ้องข้อ ๒. ข เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันนอกเหนือไปจากคำฟ้องหาได้ไม่ เพราะเป็นการขัดต่อ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๒ วรรคหนึ่ง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้องข้อ ๒. ก และข้อ ๒. ข แต่ละข้อเป็นหลายกรรมต่างกันจึงไม่ชอบ และปัญหาดังกล่าวมาข้างต้นนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๐๘ ป.อ. มาตรา ๒๗๒ (๑), ๒๗๓ และ พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๒๐, ๓๖, ๔๘, ๕๕ สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๐๘ และความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๒๗๒ (๑), ๒๗๓ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๐๘ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา ๙๐ จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ ๒ ปี และปรับคนละ ๔๐,๐๐๐ บาท ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๒๐, ๓๖, ๔๘, ๕๕ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว มาตรา ๒๐, ๔๘ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา ๙๐ จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ ๖ เดือน และปรับคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท รวมจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ ๒ ปี ๖ เดือน และปรับคนละ ๕๐,๐๐๐ บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๑ ปี ๓ เดือน และปรับคนละ ๒๕,๐๐๐ บาท ให้ยกฟ้องข้อหาตาม ป.อ. มาตรา ๒๓๖ และตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๓๑, ๕๒ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง.

Share