แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 4 มีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 197 เม็ด ไว้ในครอบครองโดย ไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 4 ได้พร้อมจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 โดยจำเลยทั้งสี่นั่งมาด้วยกันในรถยนต์บรรทุกของกลางซึ่งมีจำเลยที่ 1 เป็นคนขับ และเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวซ่อนอยู่ที่บริเวณหน้ารถด้านคนขับ เมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำเลยที่ 4 เพิ่งไปรับมาในวันนั้น จำเลยทั้งสี่ออกเดินทางไปพร้อมกัน กลับมาพร้อมกัน โดยรถยนต์บรรทุกคันเดียวกัน แสดงว่าขณะนำเมทแอมเฟตามีนมาไว้ในรถจำเลยทั้งสี่อยู่ด้วยกันตลอด การมี เมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ไว้ในครอบครองเป็นความผิด จำเลยทั้งสี่ย่อมทราบดี หากจำเลยทั้งสี่ไม่มีเจตนาร่วมกันแล้ว จำเลยที่ 4 ย่อมไม่กล้ากระทำโดยเปิดเผยให้ผู้อื่นได้รู้ โดยเฉพาะจำเลยที่ 1 เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 4 จำเลยที่ 4 ย่อมจะต้องปกปิดอย่างยิ่ง ชั้นจับกุมและสอบสวนจำเลยที่ 1 และที่ 4 รับสารภาพ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การว่าร่วมไปด้วยเพื่อนำเอามาเสพ พยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 4 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต การที่จำเลยทั้งสี่เพียงแต่ซ่อนเมทแอมเฟตามีนไว้ที่บริเวณหน้ารถด้านคนขับ รถยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ยานพาหนะซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยตรง จึงไม่อาจริบตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 102 ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2544)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖, ๑๐๒ ป.อ. มาตรา ๓๒, ๓๓, ๘๓ และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ ๔ ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.อ. มาตรา ๘๓ จำคุกคนละ ๑๔ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามสำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ และกึ่งหนึ่งสำหรับจำเลยที่ ๔ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ คนละ ๙ ปี ๔ เดือน จำเลยที่ ๔ มีกำหนด ๗ ปี ริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๗ ป.อ. มาตรา ๘๓ ลงโทษจำคุกคนละ ๖ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามสำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ และกึ่งหนึ่งสำหรับจำเลยที่ ๔ แล้ว สำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ จำคุกคนละ ๔ ปี และจำเลยที่ ๔ จำคุก ๓ ปี ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๔๑ เวลาประมาณ ๒ นาฬิกา จำเลยที่ ๔ มีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ จำนวน ๑๙๗ เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จ่าสิบตำรวจสุทิน ภูครองนาและสิบตำรวจเอกลมบน วิเศษสมบัติ จับจำเลยที่ ๔ ได้พร้อมจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ โดยจำเลยทั้งสี่นั่งมาด้วยกันในรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ๘๑ – ๗๐๖๐ ขอนแก่น ซึ่งมีจำเลยที่ ๑ เป็นคนขับ และเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวซ่อนอยู่ที่บริเวณหน้ารถด้านคนขับ
มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ มีความผิดร่วมกับจำเลยที่ ๔ มีเมทแอมเฟตามีน ไว้ในครอบครองหรือไม่ โจทก์มีจ่าสิบตำรวจสุทินและสิบตำรวจเอกลมบนเบิกความเป็นพยานว่า เหตุที่ไปซุ่มจับจำเลยทั้งสี่ก็เพราะได้รับแจ้งจากสถานตำรวนภูธรอำเภอมัญจาคีรีว่าจำเลยทั้งสี่ไปซื้อเมทแอมเฟตามีนที่อำเภอภูเขียว ผู้บังคับบัญชาจึงให้ไปดักจับ และเมื่อจับจำเลยทั้งสี่ได้ก็พบเมทแอมเฟตามีนอยู่ในรถที่จำเลยทั้งสี่นั่งมา ข้อเท็จจริง ฟังยุติว่า เมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ ๔ แสดงว่าจำเลยที่ ๔ เพิ่งไปรับเมทแอมเฟตามีนมาในวันนั้น เพราะหากนำมาซ่อนไว้ในรถก่อนนั้นแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวนภูธรอำเภอมัญจาคีรีคงไม่ทราบและแจ้งมาในวันดังกล่าว จำเลยทั้งสี่ออกเดินทางไปพร้อมกัน กลับมาพร้อมกันโดยรถยนต์บรรทุกคันเดียวกัน ขณะจับกุมพบ เมทแอมเฟตามีนอยู่ในรถยนต์บรรทุกที่จำเลยทั้งสี่นั่งมา แสดงว่าขณะนำเมทแอมเฟตามีนมาไว้ในรถจำเลยทั้งสี่ อยู่ด้วยกันตลอด การมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ไว้ในครอบครองเป็นความผิด จำเลยทั้งสี่ย่อมทราบดี หากจำเลยทั้งสี่ไม่มีเจตนาร่วมกันแล้ว จำเลยที่ ๔ ย่อมไม่กล้ากระทำโดยเปิดเผยให้ผู้อื่นได้รู้โดยเฉพาะจำเลยที่ ๑ เป็นนายจ้าง จำเลยที่ ๔ ย่อมจะต้องปกปิดอย่างยิ่ง ชั้นจับกุมและสอบสวนได้รับแจ้งข้อหาว่ามียาเสพติด ให้โทษในประเภท ๑ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ ๑ และที่ ๔ รับสารภาพ จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้การว่า ร่วมไปด้วยเพื่อนำเอามาเสพพยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ร่วมกับจำเลยที่ ๔ มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสี่ว่า รถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ๘๑ – ๗๐๖๐ ขอนแก่น ของกลาง เป็นยานพาหนะที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๐๒ หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต การที่จำเลยทั้งสี่เพียงแต่ซ่อนเมทแอมเฟตามีนไว้ที่บริเวณหน้ารถด้านคนขับ รถยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ยานพาหนะซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยตรง จึงไม่อาจริบได้
พิพากษาแก้เป็นว่า รถยนต์บรรทุกของกลางไม่ริบ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๓ .