คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8606/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมาตั้งแต่เวลาทำสัญญาซื้อขายในลักษณะเป็นเจ้าของโดยจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์แล้วตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขาย โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทโดยซื้อมาจากจำเลย จำเลยให้การต่อสู้ว่าให้โจทก์ทำกินในที่ดินพิพาทต่างดอกเบี้ย เท่ากับอ้างว่าสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทยังคงอยู่กับจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยเรื่องสิทธิครอบครองว่าเป็นของผู้ใด แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นสมควรวินิจฉัยให้โดยฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทแล้วพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้เป็นว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการซื้อขายที่ดินตามหนังสือรับรองการ ทำประโยชน์ (น.ส.3) ทะเบียนเล่ม 12 หน้า 39 และเล่ม 12 หน้า 41 ให้แก่โจทก์ หากไม่ไปจดทะเบียนโอนขอให้ถือเอาตามคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยกู้ยืมเงินจากโจทก์ โดยตกลงให้โจทก์ทำกินในที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวต่างดอกเบี้ย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ยหรือไม่ เห็นว่าเมื่อปี 2517 จำเลยได้ขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ให้โจทก์ จำเลยได้ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่ วันทำสัญญาซื้อขายและชำระภาษีที่ดินตลอดมา หากเป็นเรื่องที่จำเลยให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ยในที่ดินพิพาทก็ไม่มีความจำเป็นอย่างไรที่จำเลยจะต้องมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้ง ๆ ที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เป็นเอกสารสำคัญสำหรับที่ดินไม่ควรที่จะมอบให้บุคคลใดโดยง่าย จำเลยอ้างว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ แต่ก็ไม่ได้กำหนดระยะเวลาใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยคืนกัน นอกจากนั้นจำเลยกลับปล่อยให้โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทเป็นระยะเวลานานกว่า 20 ปี โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยทวงที่ดินพิพาทคืนจากโจทก์แต่ประการใด โจทก์ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมาตั้งแต่เวลาทำสัญญาซื้อขายในลักษณะเป็นเจ้าของโดยจำเลย มิได้โต้แย้งคัดค้านการครอบครองของโจทก์ ถือว่าจำเลยได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์แล้วตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขาย โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท กรณีมิใช่จำเลยมอบที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ยดังที่จำเลยนำสืบ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทชอบแล้ว ฎีกาจำเลย ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท โดยซื้อมาจากจำเลย ส่วนจำเลยให้การต่อสู้ว่าให้โจทก์ทำกินในที่ดินพิพาทต่างดอกเบี้ย จึงเท่ากับอ้างว่าสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทยังคงอยู่กับจำเลย เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยเรื่องสิทธิครอบครองว่าเป็นของผู้ใด แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นสมควรวินิจฉัยให้โดยฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท แล้วพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นซึ่งไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท คำขออื่นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share