แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การส่งคำคู่ความหรือเอกสารอื่นใดโดยเจ้าพนักงานศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74นั้น ให้ปฏิบัติดังนี้ (2) ให้ส่งแก่คู่ความหรือบุคคลซึ่งระบุไว้ในคำคู่ความหรือเอกสาร ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความหรือบุคคลนั้น ดังนั้น การ ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาให้แก่จำเลย โดยเจ้าพนักงานศาลจึงไม่จำเป็นต้องส่งให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยเท่านั้น แต่อาจส่งให้แก่จำเลย ณ สำนักทำการงานของจำเลยได้ บ้านเลขที่ 409 เป็นสำนักงานของบริษัทอ.ซึ่งจำเลยเป็นผู้บริหารและนั่งทำงานประจำอยู่ที่สำนักงานนั้นทุกวัน บ้านเลขที่ดังกล่าวจึงเป็นสำนักทำการงานของจำเลย และในการดำเนินคดีนี้โจทก์ได้ดำเนินการส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องและหมายต่าง ๆ ให้จำเลยที่บ้านเลขที่ 409 ดังกล่าว ดังนี้ การที่เจ้าพนักงานศาลส่งหมายนัด ฟัง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลย ณ บ้านเลขที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นสำนักทำการงานของจำเลย จึงเป็นการส่งหมายนัด ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74 แล้ว
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งหกฟ้อง จำเลยให้การต่อสู้คดีศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน1,839,000 บาท แก่โจทก์ทั้งหกพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ทั้งหกและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินค่าปรับแก่โจทก์ทั้งหกเป็นเงิน 500,000 บาท และให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 7179 เนื้อที่28 ไร่ 60 ตารางวา พร้อมส่งมอบท่าหินทั้ง 2 แห่งคืนแก่โจทก์ทั้งหก โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมในการโอนหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย และหากไม่สามารถจดทะเบียนโอนที่ดินและส่งมอบท่าหินดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งหกได้ให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 5,800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยยื่นคำร้องว่า ไม่ทราบกำหนดวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพราะการส่งหมายนัดไม่ได้ส่งให้จำเลยตามภูมิลำเนา ขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดนัดให้จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่
โจทก์ทั้งหกยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามทางไต่สวนซึ่งไม่มีฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งเป็นอย่างอื่นว่าเจ้าพนักงานศาลจังหวัดนครปฐม ได้ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 9 สิงหาคม 2537 เวลา 9 นาฬิกาให้แก่จำเลยที่บ้านเลขที่ 409 หมู่ที่ 1 ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐมจังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2537 แต่ไม่มีผู้รับหมายไว้แทน จึงปิดหมายนัดนั้นไว้ตามคำสั่งศาลที่บ้านเลขที่ดังกล่าวคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยฎีกาว่า การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลยเป็นการไม่ชอบเพราะไม่ได้ส่งให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยหรือไม่ ในปัญหานี้ได้ความจากจำเลยเองว่าจำเลยพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 24/9ถนนเทศบาล ตำบลปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ตั้งแต่ถูกฟ้องคดีนี้ จำเลยย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 143/6 ถนนราชวิถี ตำบลปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ประมาณ 1 ปี แล้ว จำเลยประกอบอาชีพค้าขายขนส่งหินทรายและประกอบอาชีพอื่น โดยใช้ชื่อบริษัทอรพรรณพาณิชย์ จำกัด ค้าขายส่งหินทรายจำเลยเป็นผู้บริหารบริษัทดังกล่าวนั่งประจำอยู่ที่บริษัทนั้น ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 409 หมู่ที่ 1 ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม จำเลยไปทำงานที่สำนักงานดังกล่าวเวลาประมาณ 8 นาฬิกา เลิกงานเวลา 16.30 นาฬิกา มีการออกไปทำธุระข้างนอกบ้างเป็นบางครั้ง และในการดำเนินคดีนี้โจทก์ได้ดำเนินการส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องและหมายต่าง ๆ ให้จำเลยที่บ้านเลขที่ 409 หมู่ที่ 1 ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐมจังหวัดนครปฐม พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74 บัญญัติว่า”การส่งคำคู่ความหรือเอกสารอื่นใดโดยเจ้าพนักงานศาลนั้นให้ปฏิบัติดังนี้ (2) ให้ส่งแก่คู่ความหรือบุคคลซึ่งระบุไว้ในคำคู่ความหรือเอกสาร ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความหรือบุคคลนั้น” ดังนั้น การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลยโดยเจ้าพนักงานศาลจังหวัดนครปฐมจึงไม่จำเป็นต้องส่งให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยเท่านั้นแต่อาจส่งให้แก่จำเลย ณ สำนักทำการงานของจำเลยก็ได้เมื่อได้ความจากคำเบิกความของจำเลยเองว่าบ้านเลขที่ 409 หมู่ที่ 1 ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐมจังหวัดนครปฐม เป็นสำนักงานของบริษัทอรพรรณพาณิชย์ จำกัดซึ่งจำเลยเป็นผู้บริหารและนั่งทำงานประจำอยู่ที่สำนักงานนั้นทุกวัน จึงฟังได้ว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวเป็นสำนักทำการงานของจำเลย การที่เจ้าพนักงานศาลจังหวัดนครปฐมส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลย ณ บ้านเลขที่ดังกล่าวซึ่งเป็นสำนักทำการงานของจำเลยแต่ไม่มีผู้รับไว้แทนจึงปิดหมายนัดนั้นไว้ที่บ้านเลขที่นั้นตามคำสั่งศาลจึงเป็นการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74 และ 76 แล้ว
พิพากษายืน