แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อระหว่างวันที่ 22 กันยายน 2535 ถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2538 จำเลยปลอมใบถอนเงินและใช้ใบถอนเงินดังกล่าวถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากลูกค้าของธนาคารผู้เสียหาย รวม 20 ครั้ง อันเป็นความผิดสำเร็จไปแล้ว ต่อมาระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน 2537 ถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2539 จำเลยได้ปลอมโดยพิมพ์ข้อความในสมุดคู่ฝากที่ธนาคารออกให้แก่นาง บ. และนาย ส. เพื่อให้บุคคลทั้งสองหลงเชื่อว่าเป็นสมุดบัญชีเงินฝากที่แท้จริง และบุคคลทั้งสองมีเงินฝากอยู่ในบัญชีตรงตามจำนวนที่จำเลยทำขึ้น อันเป็นการกระทำเพื่อปกปิดความผิดฐานปลอมและใช้ใบถอนเงินปลอม จึงเป็นการกระทำต่อผู้เสียหายคนละคนกัน เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔ , ๒๖๕ , ๒๖๘ , ๓๔๑ , ๙๑ ให้จำเลยคืนเงินจำนวน ๙๘๕,๙๑๕.๑๙ บาท แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขายานนาวา
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ , ๒๖๘ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๓๔๑ ประกอบด้วยมาตรา ๙๑ การที่จำเลยปลอมสมุดคู่ฝาก ก็โดยเจตนาเพื่อใช้ประกอบใบถอนเงินปลอม ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นหลักฐานร่วมกันในการเบิกถอนเงินไปจากบัญชีฝากเงินตามฟ้อง ถือได้ว่าเป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องกันตั้งแต่จำเลยปลอมไปจนถึงวันที่จำเลยใช้เอกสารปลอมเหล่านั้นถอนเงินจากบัญชีเงินฝาก จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว หาได้เป็นความผิดต่างกรรมกันไม่ เมื่อจำเลยใช้สมุดคู่ฝากปลอมและใบถอนเงินปลอมอันเป็นเอกสารสิทธิร่วมกันถอนเงินจากบัญชีเงินฝากตามฟ้องรวมจำนวน ๒๐ ครั้ง จึงเป็นความผิด ๒๐ กระทง แต่ความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมกับความผิดฐานฉ้อโกงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม เมื่อจำเลยเป็นผู้ปลอมและเป็นผู้ใช้เอกสารปลอม จึงให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๖๘ วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา ๒๖๕ ตามมาตรา ๒๖๘ วรรคสอง ให้จำคุกกระทงละ ๓ ปี รวมจำคุก ๖๐ ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกมีกำหนด ๓๐ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน ๙๘๕,๙๑๕.๑๙ บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานปลอมสมุดคู่ฝากและใช้สมุดคู่ฝากอันเป็นเอกสารสิทธิปลอมอีกกรรมหนึ่งต่างหาก จำเลยกระทำความผิดรวม ๓ กระทง ให้ลงโทษจำเลยฐานใช้สมุดคู่ฝากอันเป็นเอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ วรรคสอง จำคุกกระทงละ ๓ ปี รวม ๓ กระทง เป็นจำคุก ๙ ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๔ ปี ๖ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่จำเลยปลอมและใช้สมุดคู่ฝากปลอมเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานปลอมและใช้ใบถอนเงินปลอมหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๓๕ เวลากลางวัน ถึงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๓๘ เวลากลางวัน จำเลยได้ปลอมใบถอนเงินเพื่อถอนเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขายานนาวา ของผู้เสียหาย และใช้ใบถอนเงินดังกล่าว ถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของนาง บ. และนาย ส. ลูกค้าของผู้เสียหายรวม ๒๐ ครั้ง อันเป็นความผิดสำเร็จไปแล้ว ต่อมาระหว่างวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๓๗ ถึงวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๓๙ จำเลยจึงได้กระทำการปลอมสมุดคู่ฝากที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขายานนาวา ออกให้แก่นาง บ. และนาย ส. โดยจำเลยพิมพ์ข้อความในช่องวัน เดือน ปี โดยเติมและตัดทอนข้อความในช่องฝาก ช่องถอน ช่องคงเหลือและลงชื่อจำเลย แล้วมอบให้แก่นาง บ. และนาย ส. เพื่อให้บุคคลทั้งสองหลงเชื่อว่าเป็นสมุดเงินฝากของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขายานนาวา ที่แท้จริงและเงินฝากของบุคคลทั้งสองมีอยู่ตามจำนวนที่จำเลยทำขึ้น อันเป็นการกระทำเพื่อปกปิดความผิดฐานปลอมและใช้ใบถอนเงินปลอมของจำเลย ความผิดฐานปลอมและใช้สมุดคู่ฝากปลอมจึงเป็นการกระทำต่อนาง บ. และนาย ส. ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้เสียหายคนละรายกับความผิดฐานปลอมและใช้ใบถอนเงินปลอม ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าความผิดฐานปลอมและใช้ใบถอนเงินปลอมกับความผิดฐานปลอมและใช้สมุดคู่ฝากปลอมเป็นความผิดต่างกรรมนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.