แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มารดาจัดการทรัพย์สินของบุตรในฐานะผู้แทนบุตรตลอดมาจนมารดาตาย บุตรย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกทรัพย์สินอันเป็นส่วนได้ของตนจากผู้จัดการทรัพย์มฤดกของมารดาได้ คดีไม่มีขาดอายุความ
เมื่อได้ฟ้องคดีต่อศาลแล้ว คดีคงดำเนินอยู่ในศาลตลอดมา อายุความย่อมสดุดหยุดอยู่ จนกว่าจะได้วินิจฉัยถึงที่สุด หรือเสร็จไปประการอื่น
การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้คำขอท้ายฟ้อง และได้เสียค่าธรรมเนียมใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งยอมให้รับคดีไว้พิจารณา ย่อมถือว่า เป็นคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาล
ฟ้องเรียกเงินตามรายการต่างๆแต่คำขอท้ายฟ้องขอเรียกเป็นจำนวนน้อยกว่ารายการที่ระบุไว้ แต่ศาลสั่งให้เรียกค่าขึ้นศาลตามรายการที่ระบุไว้ ดังนี้ไม่ถือว่าเป็นการปลดหนี้
เมื่อจำเลยไม่ต้องการเสียดอกเบี้ยในระหว่างการพิจารราคดี จำเลยก็ต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่คิดว่าจะต้องชำระแก่โจทก์ มิฉนั้นจะขอยกเว้นไม่เสียดอกเบี้ยไม่ได้.
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์เป็นโอรสกรมพระจันทบุรี ฯ และหม่อมเจ้าหญิงอับษรสมาน หม่อมเจ้าหญิงอับษรสมานเป็นผู้ดูแลเลี้ยงดูโอรสธิดาของกรมพระจันทรบุรีฯ และเป็นผู้จัดการทรัพย์สินกรมพระจันทบุรี ฯ กับเป็นผู้จัดการผลประโยชน์แทนด้วย เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๔๗๔ กรมพระจันทรบุรี ฯ ทรงทำพินัยกรรม์ยกทรัพย์สมบัติทั้งหมด ให้แก่หม่อมเจ้าหญิงอับษรสมาน และให้โอรสธิดาอยู่ในความปกครองของหม่อมเจ้าหญิงอับษรสมานด้วย เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๔๗๔ สมเด็จพระปกเกล้า ฯ มีพระบรมราชโองการสั่งให้พินัยกรรม์ของกรมพระจันทบุรี ฯ เป็นพินัยกรรม์พิเศษ เมื่อกรมพระจันทบุรี ฯ สิ้นพระชนม์แล้ว หม่อมเจ้าหญิงอับษรสมานได้ครอบครองทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นของกรมพระจันทบุรี ฯ กับทรัพย์สินซึ่งกรมพระจันทบุรี ฯ และหม่อมเจ้าหญิงอับษรสมานครอบครองแทนโอรสธิดา รวมทั้งทรัพย์สินของโจทก์ด้วย และเป็นตัวแทนมีหน้าที่รักษาและจัดหาผลประโยชน์แทนโจทก์ต่อมาอย่างแต่ก่อน หม่อมเจ้าหญิงอับษรสมานสิ้นชีพตักษัยเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๔๘๒ จำเลยเป็นผู้จัดการมฤดกหม่อมเจ้าหญิงอับษรสมาน ทรัพย์สินของโจทก์ตกอยู่ในกองมฤดกหม่อมเจ้าหญิงอับษรสมานหลายประเภท รวมทั้งผลประโยชน์ในทรัพย์เหล่านั้น โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระเงิน อันเป็นส่วนได้ของโจทก์จำนวน ๔๕๕,๒๒๘ บาท ๙๓ สตางค์ จำเลยให้การแบ่งรับและต่อสู้คดีหลายประการ และว่าหากโจทก์จะเป็นเจ้าหนี้กรมพระจันทบุรี ฯ และหม่อมเจ้าหญิงอับษรสมานอยู่ และหนี้นั้นยังจะเรียกร้องได้ตามกฎหมาย ก็หักกลบลบกับเงินที่โจทก์เป็นหนี้กรมพระจันทบุรี ฯ และหม่อมเจ้าหญิงอับษรสมานแล้ว จำเลยต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมและคดีขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์มีส่วนได้รับเงินในกองมฤดกหม่อมเจ้าหญิงอับษรสมาน แต่เมื่อหักกับเงินที่โจทก์ได้รับไปจากกรมพระจันทบุรี ฯ และหม่อมเจ้าหญิงอับษรสมานไปแล้ว คงเหลือจำนวนเงิน ๔๓,๓๖๖ บาท ๔๘ สตางค์ จึงพิพากษาให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมฤดกใช้เงินจำนวนนี้ให้แก่โจทก์
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๘๙,๑๗๑ บาท ๘๗ สตางค์ นอกนั้นยืนตาม
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์กล่าวข้อความเป็นที่เข้าใจได้ชัดพอแล้ว หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ และเห็นว่า หม่อมเจ้าหญิงอับษรสมานได้ทรงจัดการทรัพย์สินแทนโอรสธิดาแต่เดิมตลอดมา คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความในเรื่องกรรมสิทธิ และสิทธิแห่งทรัพย์สิน เพราะหม่อมเจ้าหญิงอับษรสมาน เป็นผู้แทนของโจทก์
ข้อที่จำเลยต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความมฤดก เพราะโจทก์กลับมาเรียกร้องจำนวนเงินที่เกินกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อศาลฎีกาตัดสินแล้ว และพ้นกำหนด ๑ ปี ภายหลังที่หม่อมเจ้าหญิงอับษรสมานสิ้นชีพตักษัยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีของโจทก์ยังดำเนินอยู่ในศาลตลอดมา อายุความย่อมสดุดหยุดอยู่ จนกว่าจะได้วินิจฉัยถึงที่สุดหรือเสร็จไปประการอื่น ฉะนั้นการที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้คำขอท้ายฟ้องและได้เสียค่าธรรมเนียมใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งยอมให้รับคดีไว้พิจารณาอยู่ในศาล อีกทั้งโจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ของโจทก์ มิใช่ฟ้องเรียกมฤดก คดีไม่ขาดอายุความมฤดก
ข้อที่จำเลยคัดค้านว่า โจทก์สละสิทธิเรียกร้องจำนวนที่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ไว้ในฟ้อง เป็นการปลดหนี้ส่วนนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องส่วนที่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทนั้น เห็นว่าการกระทำของโจทก์ไม่ต้องด้วยลักษณะของการระงับหนี้ตาม ป.พ.พ. เพราะมิได้แสดงเจตนาโดยชัดแจ้ง ที่จริงเป็นการแสดงความประสงค์ต่อจำนวนเงินที่โจทก์คาดว่าควรจะได้รับ เพื่อไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลมาก เพราะมีหนี้สินเกี่ยวพันหักกลบลบกันหลายราย ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น
ส่วนดอกเบี้ยสำหรับระยะเวลาที่คดีไปสู่ศาลอุทธรณ์ฎีกาเป็นเวลา ๑ ปี ๕ เดือน ๑๕ วัน จำเลยฎีกาว่าไม่ควรรับผิด เพราะเป็นความผิดของโจทก์ที่เสียค่าธรรมเนียมไม่ถูกต้อง ทำให้เรื่องล่าช้าโดยใช่เหตุ ศาลฎีกาเห็นว่า การช้าหรือเร็วเป็นเรื่องของทางความ เมื่อจำเลยมีหน้าที่ต้องชำระเงินให้แก่โจทก์ ถ้าไม่ต้องการเสียดอกเบี้ย ก็ควรวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่คิดว่าจะต้องชำระแก่โจทก์ มิฉะนั้นจะขอยกเว้นดอกเบี้ยไม่ได้
พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้เงิน ๓๑๓๖๔.๖๑ บาท แก่โจทก์ และให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลสำหรับจำนวนเงินที่โจทก์ชนะ นอกนั้นยืนตาม