คำสั่งคำร้องที่ 1254/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้นคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค มาตรา 7ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “หนี้ที่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 4ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษา ถึงที่สุด ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา” ซึ่งหมายความว่า ถ้ามูลหนี้ในเช็คสิ้นสุดแล้วคดีอาญาที่โจทก์ฟ้อง จำเลยก็เป็นอันยุติ ซึ่งศาลจะต้องฟังข้อเท็จจริงว่ามีการ ชำระหนี้กันหรือไม่ แล้วจึงปรับเข้ากับกฎหมายข้อนี้ ฎีกาของ จำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 2 กรรม ให้เรียงกระทงลงโทษ จำคุกกรรมละ 2 เดือน รวม 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย กระทงละ 1 เดือน รวมสองกระทง จำคุก 2 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 1 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 71)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 75)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ว่า หนี้ตามเช็คพิพาทสิ้นผลไปแล้ว เป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา เพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายว่าคดีอาญาเลิกกันตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 7 หรือไม่ ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share