แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าสระว่ายน้ำจากผู้ให้เช่าเดิมและบริวารออกไปจากสระว่ายน้ำเพราะโจทก์ได้รับโอนสระว่ายน้ำจากผู้ให้เช่าเดิมแล้ว และเมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดจำเลยไม่ยอมส่งมอบสระว่ายน้ำคืนโจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะรับโอนทรัพย์ที่เช่าซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินมาโดยไม่ชอบโจทก์จึงไม่ได้รับสิทธิและหน้าที่ของผู้ให้เช่าเดิมและฟ้องแย้งอ้างว่าโจทก์ค้างชำระค่าสารคลอรีนขอให้บังคับโจทก์ชำระให้จำเลย เท่ากับจำเลยอ้างว่าหากโจทก์รับโอนทรัพย์ได้หรือโจทก์มีอำนาจฟ้องโจทก์ก็ต้องรับผิดค่าคลอรีน ตามสัญญา หรือโจทก์มีหน้าที่ตามสัญญาซึ่งตอนแรกอ้างว่าไม่มีนั่นเอง ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมอันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม ไม่เป็นฟ้องแย้งที่จะรับไว้พิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากสระว่ายน้ำและส่งมอบสระว่ายน้ำคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากชำรุดบกพร่องโจทก์ขอซ่อมแซมโดยให้จำเลยเป็นผู้ใช้ค่าเสียหาย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 147,000 บาท และใช้ค่าเสียหายต่อไปอีกเดือนละ 10,500 บาท นับแต่เดือนธันวาคม 2537เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากสระว่ายน้ำและส่งมอบสระว่ายน้ำคืนโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า สระว่ายน้ำในสนามกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ดสร้างขึ้นในที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงไม่อาจโอนแก่กันได้ เว้นแต่จะอาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกาเท่านั้น โจทก์จึงไม่ได้รับสิทธิและหน้าที่ของผู้ให้เช่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย โจทก์รับมอบสนามกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ดมาจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ดมาอยู่ในความดูแลรักษาของโจทก์โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์จากค่าเช่าสระว่ายน้ำและมีภาระหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าท้ายฟ้องข้อ 8 ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้เช่าเป็นผู้รับผิดชอบค่าสารคลอรีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ต้องใช้ผสมกับน้ำในสระว่ายน้ำ จำเลยได้ขออนุมัติเบิกค่าสารคลอรีนจากโจทก์หลายครั้ง แต่โจทก์ไม่ยอมจ่ายค่าสารคลอรีนให้จำเลยทำให้จำเลยเสียหายเป็นเงิน 113,326 บาท ขอให้ยกฟ้อง และขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2536 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดที่โจทก์จะต้องชำระค่าคลอรีน งวดสุดท้ายให้จำเลยจนกว่าโจทก์จะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า สัญญาเช่าท้ายฟ้องข้อ 8ระบุว่าค่าคลอรีน ให้เป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่าเป็นผู้รับผิดชอบนั้นหมายถึง ผู้ให้เช่าจะต้องเป็นผู้จัดหาสารคลอรีน ไว้ให้ผู้เช่าเพื่อนำไปผสมน้ำในสระว่ายน้ำแล้วผู้เช่ามีหน้าที่จะต้องขออนุมัติเบิกจ่ายสารคลอรีน จากผู้ให้เช่าเป็นคราว ๆ ไปแต่จำเลยในฐานะผู้เช่าได้ปฏิบัติผิดเงื่อนไขสัญญาดังกล่าวโดยไปจัดซื้อคลอรีน โดยพลการ มิได้แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนแต่อย่างใด โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดค่าคลอรีนพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องแย้งของจำเลย ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นรับคำให้การและฟ้องแย้ง ต่อมาวันนัดชี้สองสถานก่อนทำการชี้สองสถานศาลชั้นต้นได้ตรวจคำฟ้องแย้งของจำเลยแล้ว เห็นว่าฟ้องแย้งของจำเลยไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามและ 179 วรรคท้าย จึงให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องแย้งของจำเลยและคำสั่งรับคำให้การแก้ฟ้องแย้งของโจทก์และมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลให้ทั้งหมด ส่วนคำให้การแก้ฟ้องแย้งนั้น เมื่อศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งแล้วก็ไม่อาจรับไว้พิจารณาได้ จึงมีคำสั่งไม่รับคำให้การแก้ฟ้องแย้งด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าสระว่ายน้ำจากผู้ให้เช่าเดิมและบริวารออกไปจากสระว่ายน้ำเพราะโจทก์ได้รับโอนสระว่ายน้ำจากผู้ให้เช่าเดิมแล้วและเมื่อสัญญาเช่าครบกำหนด จำเลยไม่ยอมส่งมอบสระว่ายน้ำคืนโจทก์ จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะรับโอนทรัพย์ที่เช่าซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินมาโดยไม่ชอบโจทก์จึงไม่ได้รับสิทธิและหน้าที่ของผู้ให้เช่าเดิม และฟ้องแย้งอ้างว่าโจทก์ค้างชำระค่าสารคลอรีนขอให้บังคับโจทก์ชำระให้จำเลยเท่ากับจำเลยอ้างว่าหากโจทก์รับโอนทรัพย์ได้หรือมีอำนาจฟ้อง โจทก์ก็ต้องรับผิดค่าคลอรีนตามสัญญา หรือโจทก์มีหน้าที่ตามสัญญาซึ่งตอนแรกอ้างว่าไม่มีนั่นเอง ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมอันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามไม่เป็นฟ้องแย้งที่จะรับไว้พิจารณา
พิพากษายืน