คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4891/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยและโจทก์ร่วมสมัครใจด่าทอซึ่งกันและกันก่อนเกิดเหตุแล้วจำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยเช่นนี้ถือไม่ได้ว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เมื่อคดีก่อนจำเลยกระทำผิดก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2530และพ้นโทษไปก่อนแล้ว จำเลยย่อมได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 มาตรา 4 ถือว่าจำเลยไม่เคยถูกลงโทษในความผิดดังกล่าว จึงเพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายโฉลก ทองปรุง ผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเพราะแพทย์ทำการรักษาไว้ทันท่วงที ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก 9 เดือน จำเลยพ้นโทษในคดีดังกล่าวแล้วภายใน 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษ มากระทำผิดคดีนี้อีกขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 92 และเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามฟ้อง
ระหว่างพิจารณาผู้เสียหายได้ร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 80 จำคุก 12 ปี จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกฐานมีอาวุธปืนและพาติดตัวไปในเมืองโดยไม่รับอนุญาต และมากระทำผิดในคดีนี้ภายใน 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษอีก จึงให้เพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสามตามมาตรา 92 เป็นจำคุก 16 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษสมควรลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามมาตรา 78 คงจำคุกไว้12 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีฟังได้ว่าจำเลยและโจทก์ร่วมสมัครใจด่าทอซึ่งกันและกันก่อนเกิดเหตุแล้วจำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยจึงถือไม่ได้ว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมดังที่จำเลยฎีกาขึ้นมา ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยหนักเกินไปเนื่องจากโจทก์ร่วมเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน จึงเห็นสมควรแก้ไข และที่พิพากษาให้เพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เนื่องจากจำเลยเคยต้องโทษฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร จำคุก9 เดือน ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 164/2528 ของศาลชั้นต้นมาก่อนนั้นปรากฏว่าจำเลยกระทำผิดในคดีดังกล่าวก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2530และพ้นโทษไปก่อนแล้ว จำเลยย่อมได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 มาตรา 4 ถือว่าจำเลยไม่เคยถูกลงโทษในความผิดดังกล่าว จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 10 ปี คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 6 ปี 8 เดือนนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share