แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินในโฉนดที่ ผ. ผู้ตายมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ศาลมีคำสั่งว่าที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย แต่เมื่อ ผ. มิได้เป็นคู่ความในคดีนั้น ผ. จึงเป็นบุคคลภายนอกคดีดังกล่าว มีอำนาจพิสูจน์ได้ว่า ตนมีสิทธิดีกว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา145(2) โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ผ. จึงมีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางผ่องพรรณ สิงหะ นางผ่องพรรณได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 12393 ตำบลหน้าเมืองอำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี จากคุณหญิงน้อย เทพหัสดิน มารดาเดิมคุณหญิงน้อยให้จำเลยและร้อยตรีมานพ บูรณวิทย์ สามี อาศัยอยู่ในที่ดินโฉนดดังกล่าว เมื่อร้อยตรีมานพถึงแก่กรรมจำเลยคงอาศัยอยู่ต่อมา ครั้นวันที่ 21 พฤษภาคม 2522 จำเลยได้ยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์อ้างว่าครอบครองส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดดังกล่าวรวมทั้งที่งอกริมตลิ่ง มาด้วยความสงบเปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของซึ่งเป็นความเท็จ แต่ศาลจังหวัดราชบุรีได้มีคำสั่งว่าที่ดินดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 360/2522 โจทก์เป็นบุคคลภายนอกคดีและสามารถพิสูจน์ได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของนางผ่องพรรณซึ่งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก ไม่ประสงค์ให้จำเลยอาศัยอยู่ต่อไป ได้บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินนี้แล้ว จำเลยไม่ยอมออก ขอให้บังคับขับไล่จำเลยและบริวาร กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้จัดการมรดกของนางผ่องพรรณ ร้อยตรีมานพ และจำเลยไม่เคยเช่าหรืออาศัยคุณหญิงน้อยหรือนางผ่องพรรณอยู่ที่พิพาท ร้อยตรีมานพและจำเลยได้ครอบครองที่พิพาท ด้วยความสงบเปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมา 43 ปีเศษ ที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยตามคำสั่งของศาลจังหวัดราชบุรีแล้ว จึงผูกพันบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งจำเลยฎีกาว่า คำสั่งของศาลจังหวัดราชบุรี ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 360/2522 วินิจฉัยว่า กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเป็นของจำเลย คำสั่งดังกล่าวใช้ยันโจทก์ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คำร้องของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของนางผ่องพรรณแล้ว นางผ่องพรรณจึงมิใช่บุคคลภายนอกดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพิเคราะห์แล้วเห็นว่านางผ่องพรรณ สิงหะ ผู้ตายซึ่งมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดแปลงพิพาทมิได้เป็นคู่ความในคดีนั้น นางผ่องพรรณจึงเป็นบุคคลภายนอกคดีดังกล่าว มีอำนาจพิสูจน์ได้ว่า ตนมีสิทธิดีกว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(2) โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางผ่องพรรณ สิงหะ จึงมีอำนาจฟ้อง แล้ววินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยอาศัยโจทก์อยู่ในที่พิพาท ค่าเสียหายที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดเหมาะสมแล้ว
พิพากษายืน