คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่ฟ้องหาว่า จำเลยนำของออกนอกราชอาณาจักรไทยอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่างนั้น ถ้าผู้กระทำผิดไม่ขอปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติศุลกากรเรื่องเปรียบเทียบแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบและในกรณีเช่นนี้ อัยการมีอำนาจฟ้องคดีได้โดยไม่จำต้องมีการเปรียบเทียบก่อน ทั้งในฟ้องก็ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าได้มีการเปรียบเทียบผู้กระทำผิดนั้นแล้วหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยพยายามนำกางเกงขาสั้น 3 ตัวเสื้อยืด 7 ตัว อันเป็นเครื่องนุ่งห่ม ออกไปนอกราชอาณาจักรโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าบางอย่าง 2482 มาตรา 3, 89 และ(ฉบับที่ 3) 2490 มาตรา 3

ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องโดยว่า ฟ้องขาดข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่ง ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องไว้ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีชนิดนี้จะต้องมีการเปรียบเทียบโดยเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติศุลกากรก่อน พนักงานอัยการจึงจะฟ้องร้องได้ ตามฟ้องไม่ได้กล่าวว่าได้ปฏิบัติการตามที่กฎหมายบังคับไว้ จึงพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาให้สิ้นกระแสความ แล้วพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติศุลกากรหาได้บังคับว่าจะต้องมีการเปรียบเทียบทุกเรื่องทุกรายดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไม่เป็นแต่ให้อำนาจอธิบดีพิจารณาตามที่เห็นสมควรเมื่อผู้ขอปฏิบัติตามกฎหมายเซ็นยินยอมใช้ค่าปรับ เมื่ออธิบดีเห็นสมควรจะงดการฟ้องร้องเสียก็ได้ แต่ถ้าอธิบดีเห็นสมควรจะฟ้องในกรณีที่มีผู้ขอปฏิบัติการตามกฎหมายที่กล่าวแล้ว จึงให้อธิบดีบันทึกความเห็นว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงควรฟ้องผู้กระทำผิด หาได้บังคับว่าอธิบดีจะต้องบันทึกความเห็นทุกเรื่องทุกรายตลอดถึงเรื่องที่ไม่ได้มีผู้ขอปฏิบัติตามกฎหมายที่กล่าวแล้วด้วยไม่ สำหรับกรณีนี้จำเลยผู้ซึ่งถูกฟ้องหาได้ขอปฏิบัติการตามกฎหมายที่กล่าวแล้วไม่จึงไม่จำเป็นที่อธิบดี จะต้องบันทึกความเห็น และไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องกล่าวในฟ้องว่า ได้ปฏิบัติการตามกฎหมายดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย

จึงพิพากษายืน

Share