แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์จำเลยตกลงโอนที่ดินโฉนดเลขที่5322ตามแผนที่ท้ายสัญญาจะซื้อจะขายซึ่งกำหนดความกว้างความยาวและเขตติดต่อกับถนนสาธารณะกับเขตทางหลวงไว้ชัดเจนดังนี้แม้ที่ดินตามแผนที่ท้ายสัญญาจะเป็นที่ดินอยู่นอกเขตโฉนดเลขที่5322ก็ตามแต่โจทก์จำเลยก็มีเจตนาประสงค์ที่จะโอนที่ดินตามแผนที่ดังกล่าวติดต่อกันเป็นสำคัญเหตุที่ระบุว่าเป็นที่ดินของโฉนดดังกล่าวนั้นก็เพราะเป็นผลมาจากที่กำหนดกันไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายนั่นเองแสดงว่าในขณะที่โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายกันก็ดีและขณะทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันก็ดีต่างเข้าใจว่าเป็นที่ดินที่อยู่ในเขตโฉนดเลขที่5322ดังนี้เมื่อปรากฏว่าความจริงเป็นที่ดินอยู่นอกเขตโฉนดดังกล่าวซึ่งจำเลยครอบครองอยู่และโจทก์จำเลยตกลงยินยอมโอนให้แก่กันจำเลยจึงต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามแผนที่ท้ายสัญญาให้แก่โจทก์
ย่อยาว
คดี นี้ สืบเนื่อง จาก ศาลชั้นต้น พิพากษา ตาม สัญญาประนีประนอม ยอมความ ว่า จำเลย ยอม แบ่งแยก ที่ดิน ตาม โฉนด เลขที่ 5322ตาม แผนที่ ท้าย สัญญาจะซื้อจะขาย เอกสาร ท้ายฟ้อง หมายเลข 1 ทาง ทิศตะวันออก จด ทางหลวง ยาว 7 วา ทิศเหนือ ยาว 13 วาทิศตะวันตก ยาว 7 วา ทิศใต้ ยาว 13 วา โอน ให้ แก่ โจทก์ ภายใน 1 ปี6 เดือน นับแต่ วัน ทำ สัญญา ประนีประนอม ยอมความ และ โจทก์ ยอม ชำระค่าที่ดิน จำนวน 150,000 บาท ให้ แก่ จำเลย ใน วัน จดทะเบียน โอน ที่ดินหาก พ้นวิสัย จะ ทำได้ จำเลย ยอม คืนเงิน จำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไป และ ยอม ใช้ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ อีก 200,000 บาท คดีถึงที่สุด
โจทก์ ยื่น คำร้อง เมื่อ วันที่ 8 กรกฎาคม 2535 ว่า จำเลย ไม่ได้รังวัด แบ่งแยก ที่ดิน ตาม แผนที่ ท้าย สัญญาจะซื้อจะขาย ให้ แก่ โจทก์แต่ กลับ โอน ที่ดิน แปลง อื่น ที่ ไม่ ติด ทางสาธารณะ ขอให้ บังคับ จำเลยปฏิบัติ ตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความ
ศาลชั้นต้น นัด พร้อม ใน วันนัด โจทก์ จำเลย แถลงรับ กัน ว่าที่ดิน ตาม แผนที่ ท้าย สัญญาจะซื้อจะขาย เอกสาร ท้ายฟ้อง หมายเลข 1อยู่ นอก เขต โฉนด เลขที่ 5322 และ จำเลย ได้ แบ่งแยก ที่ดิน ใน เขต โฉนดดังกล่าว โอน ให้ โจทก์ จำนวน เนื้อที่ 91 ตารางวา ตาม โฉนด เลขที่ 43557และ จำเลย แถลงว่า ได้ โอน ที่ดิน ส่วน หนึ่ง ของ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 5322ให้ แก่ โจทก์ เป็น การ ปฏิบัติ ตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความ แล้ว
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว เห็นว่า โจทก์ จำเลย ได้ เลือก เอาการ ปฏิบัติตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความ เป็น การ โอน ที่ดิน ใน เขต โฉนด ตาม ที่ระบุ ไว้ ใน สัญญา แล้ว จึง มี คำสั่ง ให้ยก คำร้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ จำเลย ปฏิบัติ ให้ ถูกต้อง ตาม คำพิพากษาตามยอม โดย จัดการ แบ่งแยก และ โอน กรรมสิทธิ์ ที่ดิน ตาม รูป แผนที่ท้าย สัญญาจะซื้อจะขาย เอกสาร ท้ายฟ้อง หมายเลข 1
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ว่า จำเลย ได้ปฏิบัติ ตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความ แล้ว หรือไม่ พิเคราะห์ แล้วเห็นว่า ตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความ โจทก์ จำเลย ตกลง โอน ที่ดินกัน ตาม แผนที่ ท้าย สัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่ง กำหนด ความ กว้าง ความยาวและ เขต ติดต่อ กับ ถนน สาธารณะ กับ เขต ทางหลวง ไว้ ชัดเจน ดังนี้ แม้จะ เป็น ที่ดิน อยู่ นอก เขต โฉนด เลขที่ 5322 ก็ ตาม แต่ โจทก์ จำเลยก็ มี เจตนา ประสงค์ ที่ จะ โอน ที่ดิน ตาม แผนที่ ดังกล่าว ต่อ กัน เป็น สำคัญเหตุ ที่ ระบุ ว่า เป็น ที่ดิน ของ โฉนด ดังกล่าว นั้น ก็ เพราะ เป็น ผล มาจากที่ กำหนด กัน ไว้ ใน สัญญาจะซื้อจะขาย นั่นเอง แสดง ว่า ใน ขณะที่โจทก์ จำเลย ทำ สัญญาจะซื้อจะขาย กัน ก็ ดี และ ขณะ ทำ สัญญาประนีประนอม ยอมความ กัน ก็ ดี ต่าง เข้าใจ กัน ว่า เป็น ที่ดิน ที่อยู่ใน เขต โฉนด เลขที่ 5322 ดังนี้ เมื่อ ปรากฏว่า ความจริง เป็น ที่ดินที่อยู่ นอก เขต โฉนด ดังกล่าว ซึ่ง จำเลย ครอบครอง อยู่ และ โจทก์ จำเลยตกลง ยินยอม โอน ให้ แก่ กัน การ ที่ จำเลย แบ่งแยก ที่ดิน ใน เขต โฉนดโอน ให้ แก่ โจทก์ จึง เป็น ที่ดิน นอก สัญญา ประนีประนอม ยอมความที่ จำเลย ฎีกา อ้างว่า โจทก์ รับโอน ที่ดิน ตาม โฉนด ถือ เป็น ปริยาย ว่าโจทก์ ประสงค์ บังคับ ด้วย การ รับโอน ที่ดิน ดังกล่าว นั้น ใน วันที่ศาลชั้นต้น นัด พร้อม จำเลย มิได้ แถลง ไว้ เช่นนี้ จึง ไม่มี เหตุที่ จะ ให้ รับฟัง ดัง ที่ จำเลย กล่าวอ้าง ได้ การกระทำ ของ จำเลย จึง ยัง มิได้ปฏิบัติ ตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความ คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ชอบแล้วฎีกา จำเลย ฟังไม่ขึ้น แต่ การ ที่ โจทก์ รับโอน ที่ดิน แปลง ดังกล่าว ไว้ก็ มิได้ เป็น การ ปฏิบัติ ตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความ เช่นเดียวกันโจทก์ ย่อม มี หน้าที่ ต้อง โอน ที่ดิน นอก สัญญา ประนีประนอม ยอมความคืน ให้ แก่ จำเลย ด้วย ”
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ โจทก์ โอน ที่ดิน นอก สัญญาประนีประนอม ยอมความ คืน ให้ แก่ จำเลย ด้วย โดย ให้ โจทก์ และ จำเลยเสีย ค่าใช้จ่าย ใน การ โอน คน ละ กึ่งหนึ่ง นอกจาก ที่ แก้ คง ให้ เป็น ไป ตามคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์