คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 776/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จะเป็นคดีมโนสาเร่หรือไม่ ให้พิจารณาตามฟ้องที่โจทก์ตั้งฟ้องมาแต่ศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ปลูกห้องแถวในที่ดินซึ่งครั้งหนึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ ห้องแถวยังเป็นของจำเลยที่ 1 ตลอดมา ตัวโจทก์เองได้แสดงต่อบุคคลภายนอกให้หลงเชื่อว่าจำเลยที่ 1 มีอำนาจทำสัญญาในนามของจำเลยที่ 1 ให้บุคคลภายนอกเช่าอยู่ได้ ดังนี้โจทก์จะอ้างการอาศัยของจำเลยที่ 1 ขึ้นบังหน้าขับไล่บุคคลภายนอกไม่ได้เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
คำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ให้มีผลเฉพาะระหว่างคู่ความชั้นอุทธรณ์

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่าได้ให้จำเลยที่ ๑ อาศัยที่ดินส่วนหนึ่งของโจทก์ปลูกเรือนโรงทำการค้าโดยไม่ได้ทำสัญญาหรือจดทะเบียน บัดนี้จำเลยที่ ๑ ได้รื้อถอนและปลูกสร้างใหม่ผิดจากแบบแปลนและรายการที่ขออนุญาตจากโจทก์และเทศบาล และให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ เข้าอยู่เพื่อใช้ทำการค้า โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่จำเลยทั้ง ๓ และบริวาร ให้จำเลยที่ ๑ รื้อถอนโรงเรือนและจัดทำที่ดินของโจทก์ให้ดีตามสภาพเดิม หรือใช้ค่าเสียหาย ๑,๐๐๐ บาท เพื่อโจทก์ได้จัดการทำเอง
จำเลยที่ ๑ รับตามฟ้อง เต็มใจจะรื้อปลูกใหม่ให้ถูกต้อง แต่หากจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ไม่ยอมออก
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ว่าเช่าโรงเรือนนี้จากจำเลยที่ ๑ มานานแล้ว เมื่อตอนจำเลยที่ ๑ รื้อโรงเรือนเดิมเพื่อปลูกสร้างใหม่จำเลยได้ช่วยออกเงินค่าก่อสร้างคนละ ๔,๐๐๐ บาทโดยมีข้อสัญญาว่าจำเลยที่ ๒ มีสิทธิเช่าต่อไป ๕ ปี จำเลยที่ ๓ มีสิทธิ ๓ ปี โจทก์รู้เห็นและปลอมให้จำเลยที่ ๑ ทำการออกหน้าในเรื่องเหล่านี้ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยทั้ง ๓ ออกจากที่ดินและให้จำเลยที่ ๑ รื้อถอนโรงเรือนออกไปแล้วจัดทำพื้นดินของโจทก์ให้คืนดีตามสภาพเดิม
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์รู้เห็นด้วยในการที่จำเลยที่ ๑ ปลูกสร้างห้องแถวผิดแบบแปลนและรายการ โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตเพื่อขับไล่จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ มีสัญญาผูกพันกันอยู่ไม่ขาดสายและไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิขับไล่จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หลายประการ สรุปใจความได้ความ ๔ ข้อ คือ
(๑) เรื่องค่าเสียหายศาลแพ่งยกแล้ว คงอุทธรณ์เฉพาะเรื่องขับไล่ ซึ่งเป็นคดีโนสาเร่ จะอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
(๒) จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ทำสัญญากันนั้นโจทก์ไม่รู้เห็นหรือรับประโยชน์อย่างได้ด้วย จำเลยที่ ๑ อาศัยที่ดินโจทก์โดยมิได้ทำหนังสือและจดทะเบียน และปลูกสร้างผิดแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากโจทก์และเทศบาล
(๓) ศาลแพ่งพิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ ไม่ได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิพากษากลับเป็นให้ยกฟ้องของโจทก์เสียได้
(๔) ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าสัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ไม่เกี่ยวข้องและไม่ผูกพันกับโจทก์ เมื่อจำเลยที่ ๑ ถูกขับไล่ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ก็อยู่ต่อไปไม่ได้
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยข้อฎีกาของโจทก์โดยลำดับคือ
ฎีกาข้อ ๑ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายรวมอยู่ท้าย ๑,๐๐๐ บาท จึงมิใช่คดีมโนสาเร่
ฎีกาข้อ ๒ ห้องแถว เป็นของจำเลยที่ ๑ ตลอดมา จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เช่ามาช้านานแล้ว และเสียค่าเช่าให้กับจำเลยที่ ๑ ข้อความเหล่านี้โจทก์ทราบดีและเป็นเหตุผลอันสมควรที่จะให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เชื่อว่าจำเลยเป็นเจ้าของและมีอำนาจเต็มที่ที่จะรื้อแล้วปลูกใหม่เพื่อให้จำเลยทั้ง ๒ เช่าอยู่ต่อไป จำเลยทั้ง ๒ จึงยอมช่วยออกเงินโจทก์ได้เห็นสัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ และช่วยเหลือแก้ไขตกเติม แสดงว่าโจทก์ยอมรับรู้และยินยอมให้จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาต่อจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ได้ ตัวโจทก์จะได้รับประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ไม่ใช่ข้อสำคัญ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะอ้างการอาศัยของจำเลยที่ ๑ ขึ้นมาบังหน้าเพื่อขับไล่จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ได้ เพราะเท่ากับลวงให้ผู้เช่าหลงเชื่อว่าเสียเงินช่วยค่าปลูกสร้างแล้วจะเช่าอยู่ต่อไปได้ตามสัญญา การฟ้องเช่นนี้เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะให้ขับไล่ผู้เช่าได้ในระหว่างอายุสัญญาดังกล่าว
เรื่องปลูกห้องใหม่รุกเกินที่โจทก์อนุญาตและผิดแบบแปลนนั้นโจทก์ก็รู้เห็นไม่คัดค้านแสดงว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ ๑ ปลูกได้ในลักษณะเช่นนั้นจึงไม่มีสิทธิจะยกเอาเหตุนี้มาฟ้องขับไล่จำเลยได้ ส่วนเรื่องผิดแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากเทศบาลนั้นเป็นเรื่องของเทศบาลจะดำเนินการแก่จำเลยที่ ๑ ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์
ฎีกาข้อ ๓ คำให้การของจำเลยที่ ๑ แตกต่างกับของจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ไม่อุทธรณ์คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ ๑ จึงถึงที่สุด ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องตลอดถึงตัวจำเลยที่ ๑ ด้วยนั้นไม่ชอบ
ฎีกาข้อ ๔ แม้จำเลยที่ ๑ จะได้ยอมตนให้ศาลพิพากษาให้ขับไล่แล้วหรือไม่ก็ตาม จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ยังคงมีสิทธิที่จะอยู่ได้ดังได้วินิจฉัยมาแล้วในฎีกาข้อ ๒
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะตัวจำเลยที่ ๒ ที่ ๓

Share