แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ขายที่ดินมีโฉนดแต่มีชื่อบุตรจำเลยเป็นเจ้าของให้แก่โจทก์ด้วยปากเปล่าโจทก์ได้ครอบครองเป็นเจ้าของมา 16 ปี บุตรจำเลยคนหนึ่งถึงแก่ความตาย จำเลยจึงไปประกาศขอรับมรดก แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าที่ดินเป็นของบุตรจำเลยก็ตาม ก็ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นบิดาของผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินที่ ๓๖๓๒ ได้นำมาขายให้โจทก์ด้วยปากเปล่าตกลงจะโอนโฉนดกับภายหลัง โจทก์ได้ครอบครองโดยเปิดเผยตั้งใจเป็นเจ้าของมา ๑๖ ปีแล้ว บัดนี้เด็กหญิงละออผู้มีชื่อในโฉนดและเป็นบุตรจำเลยถึงแก่ความตาย จำเลยจึงขอประกาศรับมรดกเด็กหญิงละออ โจทก์จึงฟ้องขอให้แสดงว่าที่นาตามโฉนดเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่าที่นาเป็นของบุตรจำเลย ไม่ได้ขายให้โจทก์
คู่ความรับว่า จำเลยไม่เคยเกี่ยวข้องในที่พิพาทเลย เพียงแต่มาขอประกาศรับมรดกเด็กหญิงละออเท่านั้น ศาลชั้นต้นจึงสั่งงดสืบพะยานแล้วพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยแถลงรับว่าจำเลยไปขอประกาสรับมรดกเด็กหญิงละออบุตรซึ่งมีชื่ออยู่ในโฉนดดังนี้เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ซึ่งอ้างว่าได้ครอบครองมา ๑๖ ปีแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยได้
พิพากษายืน