แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
+คนสมคบกันฆ่าสุกร+มิได้รับอนุญาต คนจึงถูกฟ้องและถูกปรับ 20 บาท จะต้องจำแทนค่าปรับ+แล้วดังนี้ ไม่เป็นเหตุ+ขวางที่จะลงโทษปรับกระทำผิดอีกคนหนึ่งซึ่งถูก+ภายหลัง
ประกาศให้บำเหน็จนำจับกระทำผิดต่อการภาษีอากร ร.ศ.121 ในคดีที่ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าสินบนนำจับ เมื่อโจทก์ไม่สืบแสดงให้เห็นจำนวนเงินที่จะต้องออกเป็น+บำเหน็จนำจับแล้ว ศาล+บังคับให้จำเลยใช้
ย่อยาว
จำเลยสมคบกัน ด.ทำการฆ่าสุกรโดยมิได้รับอนุญาต ศาลได้ปรับ ด.ไปแล้ว ๒๐ บาท ลดค่าปรับให้กึ่งหนึ่ง กับให้ใช้ค่าสินบนนำจับอีก ๑๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยนี้ทำผิดฐานฆ่าสุกรตัวเดียวกับ ด.จึงให้ปรับจำเลยร่วมกับ ด.แต่ ด.ได้รับโทษจำคุกแทนค่าปรับและค่าสินบนนำจับมาแล้ว ต้องถือว่าได้ชำระหนี้ค่าปรับและค่าสินบนนำจับไปแล้วตามประมวลแพ่ง ม.๒๙๒ จึงให้ปล่อยจำเลยไป
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ว่าตาม พ.ร.บ.ลักษณฆ่าโคกระบือและสุกร ร.ศ.๑๑๙ ม.๑๘ บัญญัติวางโทษปรับเรียงตัวสุกรที่ฆ่าตัวละไม่เกิน ๔๐ บาท หรือจำคุกครั้งหนึ่งไม่เกิน ๓ เดือน การที่ ด.ถูกศาลพิพากษาปรับและจำแทนค่าปรับไปแล้วก็เป็นการรับโทษฉะเพาะ ด.จำเลยในคดีนี้มิได้ถูกฟ้องร่วมด้วยจึงถือว่าเป็นหนี้ค่าปรับร่วมกันมิได้ คดีจึงไม่มีทางใดขัดขวาง ที่จะลงโทษปรับจำเลย สำหรับปัญหาเรื่องค่าสินบนนำจับนั้น ในฟ้องโจทก์กล่าวเพียงว่ามีผู้นำจับ แต่เมื่อคดีไม่มีสืบพะยาน จึงรู้ไม่ได้ว่าเงินหลวงที่จะต้องออกไปเป็นบำเหน็จนั้นเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อโจทก์ไม่แสดงให้เห็นจำนวนเงินที่จะต้องออกไปเป็นบำเหน็จค่าจับแล้ว ศาลก็บังคับให้จำเลยใช้มิได้ จึงพิพากษาให้ปรับจำเลย ๒๐ บาท ลดกึ่งหนึ่ง