แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1488 หมายความว่าตราบใดที่ศาลยังไม่ได้พิพากษาว่า การสมรสเป็นโมฆะหรือโมฆียะ การสมรสที่จดทะเบียนแล้วย่อมสมบูรณ์อยู่เสมอ ส่วนมาตรา 1445(3)(4) เป็นแต่เพียงเหตุที่จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าการสมรสที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นโมฆะหาใช่เหตุที่แสดงในตัวเองว่า การสมรสเป็นโมฆะไม่
โจทก์เป็นภริยาของนายถนอมอยู่ตั้งแต่พ.ศ.2480 โดยจดทะเบียนสมรสกันแม้ต่อมานายถนอมจะได้ตายไป แล้วโจทก์มาได้เสียกับนายธรรมอีก ภายหลังใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ5 แล้ว การได้เสียกันดังนี้ ไม่ทำให้โจทก์เป็นภริยานายธรรม โจทก์จึงไม่ใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายธรรมในเวลาที่นายธรรมถึงแก่ความตาย
ย่อยาว
ได้ความว่า เมื่อ พ.ศ. 2480 โจทก์ได้จดทะเบียนสมรสกับนายถนอมจนนายถนอมตาย แล้วโจทก์มาได้เสียกับนายธรรมอีกในภายหลังที่ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสส่วนจำเลยสมรสกับนายธรรมก่อน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ใช้บังคับ จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายธรรม
โจทก์มาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์ในฐานะภริยาและทายาทโดยธรรม มีสิทธิได้รับบำนาญตกทอดของนายธรรมผู้เดียว
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสองให้ยกฟ้องโจทก์
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกามีว่า ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1488 หมายความว่า ตราบใดที่ศาลยังไม่ได้พิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะหรือโมฆียะการสมรสที่จดทะเบียนแล้วย่อมสมบูรณ์อยู่เสมอ และก็ไม่มีประเด็นในคดีนี้ที่จะวินิจฉัยเลยไปถึงว่า การจดทะเบียนระหว่างโจทก์และนายถนอมใช่ไม่ได้ด้วยประการใด แม้จะมี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1445(3)(4) ก็ดี แต่ก็เป็นเพียงเหตุที่จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าการสมรสที่จดทะเบียนแล้วเป็นโมฆะ หาใช่เหตุที่แสดงในตัวเองว่า การสมรสเป็นโมฆะไม่ และก็เมื่อยังไม่มีการที่ศาลได้แสดงว่า การจดทะเบียนสมรสนั้นเป็นโมฆะ ก็ต้องถือเอาการจดทะเบียนเป็นใหญ่ตาม มาตรา 1488 เมื่อโจทก์เป็นภริยาของนายถนอมอยู่ตั้งแต่ พ.ศ. 2480 แม้นายถนอมจะได้ตายไปแล้วโจทก์มาได้เสียกับนายธรรมอีกหลังจากบังคับใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว การได้เสียกันดังนี้ ไม่ทำให้โจทก์เป็นภริยานายธรรมโจทก์จึงไม่ใช่ภริยาของนายธรรมในเวลาที่นายธรรมถึงแก่ความตายโจทก์จึงไม่มีสิทธิจะได้รับบำนาญตกทอด