คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป. ซึ่งรู้ตัวดีว่าตนเป็นโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษและเคยเข้ารับการตรวจรักษาตัวที่โรงพยาบาลมาก่อน ได้ขอเอาประกันชีวิตต่อจำเลย ตัวแทนผู้หาประกันของจำเลยจัดให้แพทย์มาตรวจร่างกายของ ป. เพื่อทำรายงานให้จำเลยประกอบการพิจารณาว่าจะรับประกันชีวิต ป. หรือไม่ เช่นนี้แพทย์ผู้ตรวจร่างกายของ ป.ไม่ใช่ตัวแทนของจำเลย จะถือว่าจำเลยผู้รับประกันภัยทราบว่าป. เคยตรวจและรักษาโรคต่าง ๆ มาก่อนเช่นเดียวกับแพทย์ผู้ตรวจร่างกายของ ป. ไม่ได้ เมื่อ ป. ปิดบังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสุขภาพสัญญาประกันชีวิตระหว่าง ป. กับจำเลยตกเป็นโมฆียะ จำเลยบอกล้างสัญญาดังกล่าวได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับประกันชีวิตนางประจวบไว้มีกำหนด 10ปีเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2521 จำนวนเงินประกันภัย 50,000บาท ต่อมานางประจวบผู้เอาประกันภัยถึงแก่กรรม โจทก์ทั้งสองผู้รับประโยชน์เรียกร้องให้จำเลยจ่ายเงินตามข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันชีวิต แต่จำเลยปฏิเสธอ้างว่าผู้เอาประกันภัยปกปิดความจริงในขณะทำสัญญาประกันชีวิต จำเลยบอกล้างสัญญาประกันชีวิตดังกล่าวแล้ว แต่การบอกล้างโมฆียะกรรมของจำเลยไม่ชอบเพราะตัวแทนของจำเลยหรือจำเลยทราบมาก่อนทำสัญญาประกันชีวิตแล้วว่านางประจวบเคยให้แพทย์ตรวจรักษาเกี่ยวกับโรคต่างๆ มาก่อน จำเลยยังขืนทำสัญญาประกันชีวิตด้วยจำเลยบอกล้างสัญญาเมื่อสิทธิในการล้างระงับแล้ว ขอให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาประกันชีวิตพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า นางประจวบปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพสัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะ จำเลยบอกล้างสัญญาโดยชอบแล้วจำเลยหรือตัวแทนไม่เคยทราบมาก่อนว่านางประจวบเคยป่วยและรับการรักษาจากแพทย์มาก่อน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 50,000 บาทแก่โจทก์ทั้งสองพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า นางประจวบรู้ตัวดีว่าตนเป็นโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ได้รับการตรวจและรักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2520 และรักษาตัวเรื่อยมาครั้นเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2521 นางประจวบทำสัญญาประกันชีวิตไว้กับจำเลยโดยปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพของตนดังกล่าว แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า
ที่โจทก์ทั้งสองฎีกาว่าแพทย์หญิงชมชื่นเป็นแพทย์ที่จำเลยจัดหามาให้ตรวจร่างกายนางประจวบเพื่อทำรายงานประวัติสุขภาพตามเอกสารหมาย ป.ล.2 นั้น เคยตรวจรักษานางประจวบมาก่อน ย่อมถือได้ว่าจำเลยทราบมาก่อนว่านางประจวบเคยป่วยและรักษาตัวจึงถือไม่ได้ว่านางประจวบปิดบังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสุขภาพของตน ทั้งจำเลยหาได้ถือเรื่องสุขภาพของนางประจวบเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแพทย์หญิงชมชื่นมิได้ตรวจร่างกายนางประจวบอย่างละเอียดถี่ถ้วน นั้น เห็นว่า แพทย์หญิงชมชื่นเป็นเพียงแพทย์ที่นางสาวสัตยาตัวแทนของจำเลยจัดหามาตรวจร่างกายนางประจวบเพื่อทำรายงานเอกสารหมาย ป.ล.2 เพื่อให้จำเลยประกอบการพิจารณาว่าจะรับประกันชีวิตนางประจวบหรือไม่เท่านั้น ไม่ใช่ตัวแทนของจำเลย ดังนั้นจะถือว่าจำเลยทราบว่านางประจวบเคยตรวจและรักษาโรคต่างๆ มาก่อน เช่นเดียวกับแพทย์หญิงชมชื่นย่อมไม่ได้ ทั้งจะฟังว่าจำเลยมิได้ถือเรื่องสุขภาพของนางประจวบเป็นเรื่องสำคัญหาได้ไม่
พิพากษายืน.

Share