คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารโจทก์ มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ แต่ให้สิทธิโจทก์ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเมื่อใดก็ได้ดังนี้โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้แต่แรกที่จำเลยเบิกเงินไปจากโจทก์ ส่วนการเบิกเงินเกินบัญชีและการผ่อนชำระเงินที่ทำโดยวิธีการของธนาคาร ซึ่งจะเรียกว่าบัญชีเดินสะพัดหรือบัญชีกระแสรายวันก็ตาม ก็ต้องอยู่ในบังคับแห่งสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีฉบับนี้ เมื่อปรากฏว่านับจากวันที่จำเลยนำเงินเข้าบัญชีครั้งสุดท้ายเป็นการชำระดอกเบี้ยอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง จนถึงวันฟ้องเกินกว่าสิบปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขฟ้องว่า โจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยเป็นลูกค้าของธนาคารโจทก์ โดยเปิดบัญชีกระแสรายวันไว้ บัญชีเลขที่ 278 เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2503 จำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์ในวงเงินไม่เกิน 20,000 บาท โดยยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี คิดดอกเบี้ยเป็นรายเดือน โดยคิดทบต้นตามประเพณีของธนาคารพาณิชย์ ต่อมาจำเลยได้เบิกเงินไปจากโจทก์และนำเงินเข้าบัญชีเพื่อหักหนี้หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายจำเลยนำเงินเข้าบัญชีเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน2514 จำนวน 50,050.48 บาท เมื่อหักกับหนี้เบิกเงินเกินบัญชีแล้ว จำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อยู่อีก 31,849.12 บาท ตามสำเนาบัญชีกระแสรายวันท้ายฟ้องหมายเลข 3 โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้จำนวนนี้หลายครั้งแล้ว จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 31,849.12 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปี นับแต่วันฟ้องแก่โจทก์

จำเลยให้การและขอเพิ่มเติมว่า จำเลยเคยเปิดบัญชีกระแสรายวันเลขที่ 278กับธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (สาขานครสวรรค์) เป็นเวลาสิบกว่าปี มาแล้วระหว่างนายตุ๊ จิตราทร เป็นผู้จัดการดำเนินการธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(สาขานครสวรรค์) ในฐานะเป็นตัวแทน โดยเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2503 จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารในวงเงิน 20,000 บาทสำเนาบัญชีกระแสรายวันท้ายฟ้องหมาย 3 เป็นเท็จ ตามบัญชีแผ่นที่ 11 ปรากฏว่าหนี้ของจำเลยซึ่งมีอยู่ต่อโจทก์ขาดอายุความ ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2513ต้องโอนหนี้ของจำเลยให้เอเย่นต์เป็นผู้รับผิดชอบ ต่อมาโจทก์ได้ตั้งผู้จัดการขึ้นใหม่แทนนายตุ๊ จิตราทร โจทก์กับผู้จัดการคนใหม่สมคบกันทำหลักฐานเท็จปลอมเอกสารบัญชีเดินสะพัดเลขที่ 278 และฉ้อโกงจำเลย โดยนำเงินจำนวน 50,050.48บาท เข้าบัญชีใส่ชื่อจำเลยไว้ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย เพื่อให้เห็นว่าจำเลยยอมรับสภาพหนี้ที่ขาดอายุความแล้วปรากฏตามสำเนาบัญชีหมายเลข 3แผ่นที่ 13 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2514 สิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2513 อย่างไรก็ตามโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม2515 สิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความแล้ว ความผูกพันระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีต่อกัน โดยการแปลงหนี้ใหม่ คือ นายตุ๊ จิตราทร เอเย่นต์ของโจทก์ยอมรับเข้ามาเป็นลูกหนี้แทนจำเลยแล้ว

ศาลชั้นต้นชี้สองสถาน กำหนดประเด็นไว้ 2 ข้อคือ 1 จำเลยเป็นหนี้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยเพียงใดหรือไม่ 2 อายุความเมื่อพิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน 31,849 บาท 12 สตางค์ กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยฎีกาว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2503 จำเลยได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารโจทก์ เป็นจำนวนไม่เกิน 20,000 บาท มิได้กำหนดเวลาชำระตามเอกสารหมาย จ.11 (ภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.2) จำเลยได้เบิกเงินไปจากธนาคารโจทก์ และนำเงินเข้าบัญชีเป็นคราว ๆ ตามบัญชีเลขที่ 278ครั้งสุดท้ายจำเลยนำเงินจำนวน 300 บาทเข้าบัญชีเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2505เป็นการชำระดอกเบี้ย วันที่ 26 พฤศจิกายน 2514 นายแดง จิตราทร ได้นำเงินเข้าบัญชี เป็นการชำระหนี้แทนจำเลย จำนวน 50,050 บาท 48 สตางค์ คงเหลือยอดเงินที่จำเลยคงเป็นลูกหนี้ธนาคารอยู่อีก 31,849 บาท 12 สตางค์

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าวข้างต้นความในข้อ 4 ไม่ได้กำหนดเวลาการชำระหนี้ไว้ แต่ให้สิทธิแก่ผู้ให้กู้ที่จะเรียกร้องให้ผู้กู้ชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเมื่อใดก็ได้ ตามแต่ผู้ให้กู้จะเห็นสมควร และโดยมิพักต้องชี้แจงเหตุ ในกรณีที่ผู้ให้กู้เรียกร้องดังกล่าวมานี้ผู้กู้จะต้องชำระหนี้ตามคำเรียกร้องโดยมิอิดเอื้อน ฉะนั้น ธนาคารโจทก์ผู้ให้กู้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้แต่แรกที่จำเลยเบิกเงินไปจากธนาคารโจทก์ ส่วนการเบิกเงินเกินบัญชีและการผ่อนชำระเงินจะทำโดยวิธีการของธนาคารซึ่งจะเรียกว่า บัญชีเดินสะพัดหรือบัญชีกระแสรายวันอย่างใดก็แล้วแต่ ก็ต้องอยู่ในบังคับแห่งสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีฉบับนี้ จะนำบทบัญญัติเกี่ยวกับบัญชีเดินสะพัดมาปรับ โดยตรงดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยหาได้ไม่

จำเลยชำระดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2505 อันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงแล้ว หลังจากนั้นจำเลยก็มิได้นำต้นเงินหรือดอกเบี้ยชำระให้อีกจนถึงวันฟ้อง คือ วันที่ 28 กรกฎาคม 2515 เกินสิบปีแล้วการชำระหนี้ของนายแดงแทนจำเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับสภาพหนี้ คดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องแล้วฎีกาของจำเลยฟังขึ้น

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความสองศาลให้รวม 700 บาท

Share