แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานสมคบกันกระทำผิกฐานยักยกทรัพย์นั้น  ผู้กระทำผิดทุกคนหาจำเป็นต้องได้รับมอบหมาบทรัพย์ที่ยักยอกโดยตนเองทุก ๆ คนเสมอไปไม่เมื่อได้รับความร่วมมือร่วมใจกันกระทำการยักยอกกับผู้ที่ได้รับมอบหมายทรัพย์มา  ก็อาจเป็นความผิดฐานสมคบกันยักยอกทรัพย์ได้
ประชุมใหญ่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยที่  ๑  โดยหน้าที่ของตนเองและไดัรับมอบหมายจากนายโชติ  ให้เป็นผู้ควบคุมจัดการนำบุหรี่ของโรงงานยาสูบที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากรให้นำออกจากโกดังท่าเรือ  ไปส่งที่เก็บพัศดุโกดังของโรงงานยาสูบ  โดยจำเลยที่  ๒  ได้สมคบกับนายเลี่ยมจำเลยที่  ๓  นายวีระ จำเลยที่  ๔  ร่วมกันมีเจตนาทุจริตยักยอกเบียดบังเอาบุหรี่บางส่วนไว้เป็นประโยชน์  ฯลฯ
ส่วนจำเลยที่  ๕  ถูกหาว่ากระทำผิดฐานรับของโจรเกี่ยวกับบุหรี่รายนี้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า  จำเลยที่  ๑  –  ๒  ผิดตาม  ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา  ๓๑๙  จำคุกคนละ  ๒  ปี  จำเลยที่  ๓-๔  ผิดตามมาตรา  ๓๑๔  ให้จำคุกคนละ  ๑  ปี  จำเลยที่  ๕  ผิดตามมาตรา  ๓๒๑  จำคุก  ๑  ปี ฯลฯ
จำเลยที่  ๑  –  ๓  –  ๔  –  ๕ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้  ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่  ๔  ฯลฯ
โจทก์และจำเลยที่  ๑  –  ๓  –  ๕   ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว  ข้อที่จำเลยที่  ๓  ฎีกาว่า  จำเลยที่  ๓  มิได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้ด้วย  จึงไม่มีผิดฐานยักยอกทรัพย์นั้น  ศษลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า  เรื่องนี้โจทก์ฟ้องจำเลยผู้นี้ว่าได้สมคบกับจำเลยที่ ๑  ที่  ๒  ร่วมกันมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาบุหรี่ไว้เป็นประโยชน์เสีย  ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าจำเลยที่ ๓  ได้สมคบกับจำเลยที่  ๑  –  ๒    ยักยอกบุหรี่รายนี้จริง  ความผิดฐานสมคบกันกระทำผิดฐานยักยอกทรัพย์นั้น  ผู้กระทำผิดทุกคนหาจำเป็นต้องได้รับมอบหมายโดยตนเองทุก ๆ คนเสมอไป  ไม่  เมื่อใดร่วมมือร่วมใจกันกระทำการยักยอกกับผู้ที่ได้รับมอบหมาย  ดังที่ปรากฏมาในคดีนี้  ก็อาจเป็นความผิดฐานสมคบกันยักยอกทรัพย์ได้  ฎีกาของจำเลยที่  ๓  ฟังไม่ได้
ฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยที่  ๔  นั้นศาลฏีกาเห็นว่า  พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนจำเลยที่  ๔  แล้ว  คดีย่อมลงโทษจำเลยที่  ๔ ได้
ฎีกาข้ออื่นฟังไม่ขึ้น  จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่  ๔  ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น  ฯลฯ  นอกจากที่แก้  คงพิพากษายืน

