คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานสมคบกันกระทำผิกฐานยักยกทรัพย์นั้น ผู้กระทำผิดทุกคนหาจำเป็นต้องได้รับมอบหมาบทรัพย์ที่ยักยอกโดยตนเองทุก ๆ คนเสมอไปไม่เมื่อได้รับความร่วมมือร่วมใจกันกระทำการยักยอกกับผู้ที่ได้รับมอบหมายทรัพย์มา ก็อาจเป็นความผิดฐานสมคบกันยักยอกทรัพย์ได้
ประชุมใหญ่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ โดยหน้าที่ของตนเองและไดัรับมอบหมายจากนายโชติ ให้เป็นผู้ควบคุมจัดการนำบุหรี่ของโรงงานยาสูบที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากรให้นำออกจากโกดังท่าเรือ ไปส่งที่เก็บพัศดุโกดังของโรงงานยาสูบ โดยจำเลยที่ ๒ ได้สมคบกับนายเลี่ยมจำเลยที่ ๓ นายวีระ จำเลยที่ ๔ ร่วมกันมีเจตนาทุจริตยักยอกเบียดบังเอาบุหรี่บางส่วนไว้เป็นประโยชน์ ฯลฯ
ส่วนจำเลยที่ ๕ ถูกหาว่ากระทำผิดฐานรับของโจรเกี่ยวกับบุหรี่รายนี้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ – ๒ ผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๑๙ จำคุกคนละ ๒ ปี จำเลยที่ ๓-๔ ผิดตามมาตรา ๓๑๔ ให้จำคุกคนละ ๑ ปี จำเลยที่ ๕ ผิดตามมาตรา ๓๒๑ จำคุก ๑ ปี ฯลฯ
จำเลยที่ ๑ – ๓ – ๔ – ๕ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๔ ฯลฯ
โจทก์และจำเลยที่ ๑ – ๓ – ๕ ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว ข้อที่จำเลยที่ ๓ ฎีกาว่า จำเลยที่ ๓ มิได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้ด้วย จึงไม่มีผิดฐานยักยอกทรัพย์นั้น ศษลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เรื่องนี้โจทก์ฟ้องจำเลยผู้นี้ว่าได้สมคบกับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาบุหรี่ไว้เป็นประโยชน์เสีย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าจำเลยที่ ๓ ได้สมคบกับจำเลยที่ ๑ – ๒ ยักยอกบุหรี่รายนี้จริง ความผิดฐานสมคบกันกระทำผิดฐานยักยอกทรัพย์นั้น ผู้กระทำผิดทุกคนหาจำเป็นต้องได้รับมอบหมายโดยตนเองทุก ๆ คนเสมอไป ไม่ เมื่อใดร่วมมือร่วมใจกันกระทำการยักยอกกับผู้ที่ได้รับมอบหมาย ดังที่ปรากฏมาในคดีนี้ ก็อาจเป็นความผิดฐานสมคบกันยักยอกทรัพย์ได้ ฎีกาของจำเลยที่ ๓ ฟังไม่ได้
ฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๔ นั้นศาลฏีกาเห็นว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนจำเลยที่ ๔ แล้ว คดีย่อมลงโทษจำเลยที่ ๔ ได้
ฎีกาข้ออื่นฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ ๔ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฯลฯ นอกจากที่แก้ คงพิพากษายืน

Share