แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ผู้ร้องอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีนำเรือเพื่อจะไปขุดคันดินที่กั้นระหว่างที่ดินพิพาทกับที่ดินของผู้ร้องเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีล้ำเข้ามาในที่ดินของผู้ร้องนั้น เป็นการกล่าวอ้างว่าผู้ร้องมีสิทธิครอบครองในที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการบังคับคดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะต้องไปดำเนินการในทางอื่นต่อไป เจ้าพนักงานบังคับดคีไม่ได้ดำเนินการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินพิพาท ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ศาลฎีกาพิพากษาว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ให้จำเลยรื้อถอนคันดินที่จำเลยทำขึ้นและทำคันดินด้านทิศตะวันออกให้เป็นสภาพเดิม หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 20,000 บาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ปีละ 30,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะรื้อถอนคันดินและทำคันดินให้เป็นสภาพเดิม จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปดำเนินการ
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้ครอบครองที่ดิน เจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำเรือขุดไปขุดคันดินซึ่งเป็นแนวเขตที่กั้นระหว่างที่ดินพิพาทกับที่ดินของผู้ร้อง เป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง ขอให้ระงับหรืองด หรือยกเลิกการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีนำเรือเพื่อจะไปขุดคันดินที่กั้นระหว่างที่ดินพิพาทกับที่ดินของผู้ร้อง เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีล้ำเข้ามาในที่ดินของผู้ร้องนั้น เป็นการกล่าวอ้างว่าผู้ร้องมีสิทธิครอบครองในที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการบังคับคดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะต้องไปดำเนินการในทางอื่นต่อไป เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ดำเนินการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.
(สบโชค สุขารมณ์ – ชูชาติ ศรีแสง – ธีระวัฒน์ ภัทรานวัช)