คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7684/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีอาญาของศาลชั้นต้นที่โจทก์อ้างเป็นเหตุขอให้เพิ่มโทษจำเลยนั้น ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกจำเลย 6 เดือนและปรับ5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ปรากฏตามคำพิพากษาศาลฎีกาท้ายฎีกาจำเลยเมื่อคดีก่อนจำเลยไม่ได้รับโทษจำคุกจึงไม่มีวันพ้นโทษที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยได้ กรณีถือไม่ได้ว่าจำเลยพ้นโทษแล้วภายใน 5 ปีกลับมากระทำความผิดคดีนี้อีกจึงเพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 92 ริบของกลาง เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายและนับโทษจำเลยต่อด้วย

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษและนับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 จำคุก 3 ปีเพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 2 ปี ริบของกลาง ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อนั้นเนื่องจากคดีดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษา จึงไม่อาจนับโทษต่อให้ได้ ให้ยกคำขอโจทก์ในส่วนนี้

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่ามีเหตุสมควรลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า เมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงนอกจากจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพอนามัยของผู้เสพเองแล้วยังเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมและเป็นต้นเหตุของปัญหาสังคมอีกหลายประเภท นับว่าเป็นภัยต่อประชาชนและสังคมโดยทั่วไปเป็นอย่างยิ่งเป็นเหตุให้รัฐต้องเสียงบประมาณแผ่นดินในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้องกันและปราบปราม ทั้งต้องรับภาระในการบำบัดรักษาผู้ที่ติดยาเสพติดให้โทษชนิดดังกล่าวอีกด้วย แม้เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองมีลักษณะป่นละเอียดเปียกชื้นไม่สามารถนับจำนวนเม็ดได้ แต่ก็มีน้ำหนักถึง 13.35 กรัม ถือได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเป็นจำนวนค่อนข้างมากประกอบกับตามรายงานการสืบเสาะและพินิจซึ่งจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านปรากฏว่า จำเลยเคยถูกจับกุมดำเนินคดีในการกระทำความผิดต่อกฎหมายมาแล้วรวม 3 คดี เป็นการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จำนวน 2 คดี ส่วนคดีที่สามเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษซึ่งในขณะที่คดีที่สามดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยก็ยังกระทำความผิดเป็นคดีนี้อีก พฤติกรรมของจำเลยแสดงให้เห็นว่า จำเลยมิได้เข็ดหลาบ และมิได้เกรงกลัวต่อโทษที่จะได้รับตามกฎหมาย พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำคุกและไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองเพิ่มโทษจำคุกจำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 นั้น ปรากฏว่าคดีที่โจทก์อ้างเป็นเหตุขอให้เพิ่มโทษจำเลยนั้น ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกจำเลย 6 เดือนและปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ปรากฏตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5239/2540ท้ายฎีกาจำเลย เมื่อคดีก่อนจำเลยไม่ได้รับโทษจำคุก จึงไม่มีวันพ้นโทษที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยได้ กรณีถือไม่ได้ว่าจำเลยพ้นโทษแล้วภายใน 5 ปี กลับมากระทำความผิดคดีนี้อีก จึงเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 92 แห่งประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองเพิ่มโทษจำเลยมานั้น เป็นการไม่ชอบ แม้จำเลยมิได้ฎีกาในปัญหานี้ แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจและเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 3 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 1 ปี 6 เดือนยกคำขอให้เพิ่มโทษนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share