แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยหัวเราะ เมื่อผู้เสียหายสอบถามจำเลย จำเลยก็ไม่ตอบผู้เสียหายพูดว่าจะเตะ จำเลยว่าจะเตะก็ลองดู ผู้เสียหายจึงต่อยจำเลยแล้วเกิดต่อสู้กันขึ้น แสดงว่าจำเลยและผู้เสียหายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกัน เมื่อจำเลยสู้ไม่ได้จึงกลับบ้านนำอาวุธปืนมายิงผู้เสียหายหลังเกิดเหตุแล้วประมาณ 15นาทีการที่จำเลยยิงผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเกิน 17 ปีแล้วการที่ศาลชั้นต้นลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา75 ย่อมไม่ถูกต้อง สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับบทลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องใจความว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมโดยมีอาวุธปืนมีหมายเลขทะเบียนของผู้อื่นไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต แล้วใช้อาวุธปืนนั้นยิง พยายามฆ่านายสายันต์ ศรีสวัสดิ์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 91 คืนอาวุธปืนของกลางแก่เจ้าของริบหัวกระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 เรียงกระทงลงโทษ จำเลยอายุ 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75ฐานมีอาวุธปืนจำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนจำคุก 6 เดือน ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นจำคุก 5 ปี รวมจำคุก 6 ปี คืนอาวุธปืนของกลางแก่เจ้าของ ริบหัวกระสุนปืนกับปลอกกระสุนปืนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 72 จำคุก2 ปี รวมกับโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เป็นจำคุก 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีคงมีปัญหาในชั้นนี้เพียงว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะหรือไม่ จำเลยนำสืบว่าเมื่อจำเลยหัวเราะแล้ว ผู้เสียหายเข้ามาตบศีรษะจำเลยนั้นเห็นว่าข้อเท็จจริงน่าเชื่อตามพยานหลักฐานของโจทก์ว่า เมื่อจำเลยหัวเราะแล้วผู้เสียหายได้สอบถามจำเลยแต่จำเลยไม่ตอบผู้เสียหายจึงพูดว่าจะเตะ จำเลยว่าจะเตะก็ลองดู แล้วผู้เสียหายจึงต่อยจำเลยแล้วเกิดต่อสู้กัน แสดงว่าจำเลยกับผู้เสียหายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกันแล้ว จำเลยสู้ผู้เสียหายไม่ได้ จำเลยจึงกลับบ้านแล้วนำอาวุธปืนของกลางมายิงผู้เสียหาย 4 นัด ปรากฏรายละเอียดบาดแผลตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่า บ้านของจำเลยอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับที่เกิดเหตุ ซึ่งใช้เวลาเดินไปและกลับจะเป็นเวลาประมาณไม่เกิน 5 นาที นายเรียม แป๊ะตะเภา พยานโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างทำงานที่โรงเลื่อยจักรกระบุรี โดยบิดาของจำเลยเป็นผู้ควบคุมงาน และมีตำแหน่งทางราชการเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเบิกความว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ผู้เสียหายมาบอกว่าผู้เสียหายได้ชกต่อยจำเลยแล้ว นายเรียมจึงตักเตือนผู้เสียหายเนื่องจากทำงานอยู่ที่เดียวกันผู้เสียหายก็รับปากว่าจะไปทำความเข้าใจกับจำเลย ต่อมาประมาณ 15 นาที จำเลยได้นำอาวุธปืน 1 กระบอกเหน็บเอวมาแล้วไปพูดกับผู้เสียหาย นายเรียมกำชับให้ทำความเข้าใจต่อกัน จนอีก 15 นาทีจำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายและนายพงษ์ศักดิ์ ข้ามสมุทร พยานโจทก์เบิกความว่า เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายชกต่อยกัน นายพงษ์ศักดิ์ได้เข้าไปห้ามจนหยุดชกต่อยกันแล้วจำเลยแยกกลับไปบ้าน ส่วนผู้เสียหายกลับไปทำงานต่อมาประมาณ 15 นาที จำเลยได้ย้อนกลับมาโดยมีอาวุธปืนเหน็บเอวมาด้วย แล้วจำเลยยิงผู้เสียหาย พยานโจทก์ทั้งสองต่างทำงานร่วมกับจำเลยและผู้เสียหายโดยไม่เคยมีสาเหตุใดกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุอันควรระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำกลั่นแกล้งจำเลย ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นับแต่จำเลยแยกกลับบ้านและได้ย้อนกลับมายังที่เกิดเหตุนั้นเป็นเวลาหลังเกิดเหตุแล้วประมาณ 15 นาที การที่จำเลยยิงผู้เสียหายจึงมิใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นฎีกาของโจทก์ในปัญหาข้อนี้ฟังขึ้น แต่ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีอายุสิบเจ็ดปี ให้ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 นั้น ปรากฏตามสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย จ.7 ว่าจำเลยเกิดวันที่ 8 มิถุนายน 2510 นับถึงวันที่ 21กันยายน 2527 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ จำเลยอายุเกินสิบเจ็ดปีแล้วกรณีจึงไม่อาจลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยตามบทกฎหมายดังกล่าวได้ สมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 80 จำเลยอายุกว่าสิบเจ็ดปีแต่ไม่เกินยี่สิบปี ลดมาตราส่วนโทษลงกึ่งหนึ่งตามมาตรา 76 จำคุก 5 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.