คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4485/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฟ้องของโจทก์ไม่บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับวันกระทำผิดศาลจะเอาข้อเท็จจริงในฟ้องแต่ละวรรคซึ่งเป็นข้อเท็จจริงคนละตอนมาประกอบกันเพื่อจะให้เข้าใจเอาเองว่าเกิดเหตุระหว่างวันเวลาใดหาได้ไม่ ฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ชอบที่จะยกฟ้องของโจทก์เสีย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 3 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เบื้องต้นในชั้นนี้ว่า ฟ้องของโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) หรือไม่พิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2526เวลากลางวันจำเลยได้ทำเอกสารขึ้นยืนยันว่าจำเลยได้รับชำระหนี้แล้ว มอบแก่โจทก์และนายปวีณ สวศรัญญู เป็นผู้รักษาเอกสารนั้นแทนโจทก์ ต่อมาระหว่างต้นเดือนมกราคม 2527 เวลากลางวัน โจทก์ได้ขอให้ศาลจังหวัดขอนแก่นออกหมายเรียกพยานเอกสารนั้นจากนายปวีณปรากฏว่าจำเลยได้ไปเอาเอกสารนั้นจากนายปวีณก่อนแล้วด้วยเจตนาทุจริตโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียหายแก่โจทก์กับพวกที่ถูกฟ้องเป็นคดีแพ่ง เช่นนี้ ย่อมเห็นได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุวันเวลาที่จำเลยเอาเอกสารไปจากนายปวีณอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 จะถือเอาฟ้องแต่ละวรรคซึ่งเป็นข้อเท็จจริงคนละตอนมาประกอบกันเพื่อจะให้เข้าใจเอาเองว่าเกิดเหตุระหว่างวันและเวลาใด หาได้ไม่ สำหรับเอกสารหมายเลข 1 ท้ายฟ้องซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องนั้นก็เป็นเพียงหนังสือของนายปวีณแจ้งไปยังศาลจังหวัดขอนแก่นถึงเรื่องที่ไม่สามารถส่งเอกสารตามที่คู่ความอ้างได้เท่านั้นซึ่งเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 ดังกล่าวก็หาได้ระบุถึงวันเวลาที่จำเลยเอาเอกสารนั้นไปจากตนเองแต่อย่างใด เมื่อฟ้องของโจทก์ไม่บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับวันกระทำผิดจึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ชอบที่จะยกฟ้องของโจทก์เสีย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องของโจทก์เสียนั้น ชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share