คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค่าเสียหายจากมูลละเมิดนั้นถือได้ว่าเป็นหนี้เงินแล้วตั้งแต่วันที่ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายฉะนั้นโจทก์จึงเรียกดอกเบี้ยจากเงินจำนวนนี้ได้ตั้งแต่วันศาลชั้นต้นพิพากษา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันละเมิดทำการปิดและขุดรางน้ำทำให้น้ำไม่ไหลเข้าไปให้โจทก์ใช้น้ำทำเหมืองแร่ซึ่งโจทก์ได้สัมปทานบัตรขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การต่อสู้ปฏิเสธความรับผิด

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อทำนบปิดน้ำและให้ถมรางน้ำเสียให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย 8,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยและให้ใช้ค่าเสียหายอีกวันละ 200 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะจัดการรื้อทำนบและถมรางน้ำเสร็จ

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะข้อให้เสียดอกเบี้ยเป็นว่าไม่ต้องเสีย

โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยได้ร่วมกันละเมิดโจทก์จริงตามฟ้องและค่าเสียหายตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเป็นผลดีแก่จำเลยแล้วส่วนฎีกาโจทก์ที่ขอให้จำเลยเสียดอกเบี้ยนั้นเห็นว่าเมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 8,000 บาทก็ถือได้ว่าเป็นหนี้เงินแล้วโจทก์จึงเรียกดอกเบี้ยในจำนวนเงินนี้ได้นับตั้งแต่วันที่ศาลพิพากษา จึงพิพากษาแก้ว่าให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีจากเงิน 8,000 บาท นับตั้งแต่วันศาลชั้นต้นพิพากษา นอกจากนี้ยืน

Share