คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปรากฏขึ้นในระหว่างพิจารณาว่าผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นหญิงมีสามีผู้ร้องก็ยังเถียงว่าตนไม่มีสามีดังนี้ศาลต้องยกคำร้องขัดทรัพย์ เพราะมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องในเรื่องความสามารถ

ย่อยาว

โจทก์ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลงวันที่ 25 เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2497

นางตา พันธพิษแพทย์ อ้างว่าเป็นหม้าย ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ตามที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งเลขแดงที่ 15-16/2496 ได้ยึดทรัพย์หมายเลข 4-5-6 รวมราคา 1,620 บาท โดยอ้างว่าเป็นของจำเลยผู้ลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ความจริงเป็นทรัพย์ของผู้ร้องโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่ของจำเลย ขอให้ศาลสั่งถอนการยึด

โจทก์ต่อสู้ว่า ทรัพย์ดังกล่าวเป็นของจำเลย ถึงแม้จะเป็นทรัพย์ของผู้ร้อง ๆก็ยินยอมให้จำเลยครอบครองใช้สิทธิจนปรากฏแก่บุคคลภายนอกว่าเป็นของจำเลย ฉะนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิจะคัดค้านการยึดทรัพย์ของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา

ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานผู้ร้องหมดแล้ว โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่าผู้ร้องอ้างว่าเป็นหญิงหม้าย แต่นายประทิ่น พันธพิษแพทย์ให้การว่ายังคงเป็นสามีภริยาอยู่กับผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องมิได้รับความยินยอมจากสามีให้ดำเนินคดีเสียก่อนทั้งยังลวงศาลว่าเป็นหญิงหม้ายด้วย คำร้องของผู้ร้องจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24ว่า ผู้ร้องมีอำนาจร้องได้หรือไม่

ผู้ร้องได้ยื่นคำแถลงว่า ตามที่นายประทิ่น พยานของผู้ร้องให้การว่าได้อยู่กินเป็นสามีภริยากับผู้ร้องนั้นไม่เป็นความจริงเพราะเมื่อ พ.ศ. 2490 นายประทิ่นกับผู้ร้องได้ทำหนังสือหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันแล้ว เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ เท่านั้นไม่ทำให้เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย นายประทิ่นให้การผิดพลาดไปเพราะเข้าใจผิดในแง่ของกฎหมาย

ศาลชั้นต้นสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ และวินิจฉัยว่า คำร้องของโจทก์เป็นการแก้ไขข้อต่อสู้หรือยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 179 แต่โดยที่เป็นเรื่องเกี่ยวด้วยอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาข้อกฎหมาย คู่กรณีย่อมยกขึ้นเป็นข้อกล่าวอ้างได้ระหว่างการพิจารณา เพราะฉะนั้น เมื่อนายประทิ่นให้การว่าได้ผู้ร้องเป็นภริยามา 30 ปี จึงเป็นสามีภริยาถูกต้องตามกฎหมาย การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอดำเนินคดีทางศาลโดยมิได้รับความยินยอมของสามี จึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 38 จึงสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่ควรด่วนตัดพยาน พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งต่อไป

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาประชุมปรึกษาคดีแล้ว ตามหลักฐานในท้องสำนวนนายประทิ่น พยานของผู้ร้องเองได้เบิกความไว้โดยไม่เปิดช่องให้เกิดสงสัยเป็นอย่างอื่นว่า นายประทิ่นกับผู้ร้องเป็นสามีภริยากันมา 30 ปีเศษ แล้วบัดนี้ก็ยังเป็นสามีภริยากันอยู่ ถ้าความจริงมิได้เป็นเช่นนั้นก็ชอบที่ทนายผู้ร้องจะถามติงขอให้นายประทิ่นอธิบายให้เห็นความผิดพลาดและเมื่อผู้ร้องอ้างตัวเป็นพยานภายหลังที่นายประทิ่นเบิกความ ก็มิได้ปฏิเสธข้อความที่นายประทิ่นอ้างว่ายังเป็นสามีของผู้ร้อง อันพยานหลักฐานดังกล่าวชั้นนี้ศาลฎีกาก็ต้องถือว่าผู้ร้องเป็นหญิงมีสามีแล้ว ย่อมไม่มีความสามารถที่จะดำเนินคดีโดยมิได้รับความยินยอมจากสามี

ในคดีที่ผู้ร้องอุทธรณ์นั้น ศาลอุทธรณ์ยกเหตุว่า ผู้ร้องได้แถลงคัดค้านไว้ว่านายประทิ่นไม่ใช่สามีผู้ร้อง เพราะได้ทำหนังสือหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันแล้ว สมควรให้โอกาสผู้ร้องพิสูจน์ว่า ได้หย่าขาดกับนายประทิ่นแล้ว จึงให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและมีคำสั่งต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่าผู้ร้องมิได้ร้องขอโอกาสที่จะพิสูจน์ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเลยเหตุผลของศาลอุทธรณ์จึงเกินกว่าคำขอของผู้ร้อง อีกประการหนึ่งนายประทิ่นเป็นพยานคนแรกที่ผู้ร้องนำเข้าสืบ โอกาสที่ผู้ร้องจะนำสืบให้เห็นความผิดพลาดของนายประทิ่นก็มีอยู่ แต่ผู้ร้องก็มิได้กระทำแล้วในที่สุดเมื่อผู้ร้องสืบพยานต่อไปอีก 5 คน ก็แถลงว่าผู้ร้องหมดพยาน และศาลสั่งให้สืบพยานโจทก์ต่อไปดังนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงกลายเป็นการฝืนให้ผู้ร้องกระทำในสิ่งที่ผู้ร้องไม่ประสงค์ก็ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง เป็นการอนุญาตโดยปริยายให้ผู้ร้องสืบพยานแก้ไขข้อบกพร่องได้ทั้งที่ผู้ร้องแถลงไม่สืบพยานแล้ว หรือถ้าหากจะหมายความให้โจทก์สืบพยานต่อไป โจทก์ก็คงไม่สืบช่วยผู้ร้องศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ เมื่อผู้ร้องอ้างตนอยู่ว่าไม่มีสามี ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไป จึงไม่มีเหตุที่จะสั่งเป็นอย่างอื่น

จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้บังคับคดียืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น ทั้งนี้ พึงเข้าใจว่าคำพิพากษานี้วินิจฉัยอำนาจร้องของผู้ร้อง สำหรับชั้นนี้เท่าที่ปรากฏเฉพาะหน้าข้อเดียวเท่านั้น ค่าธรรมเนียมค่าทนายชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share