คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7639/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์เป็นเวลา1ปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์คืนนั้นการกำหนดค่าเสียหายดังกล่าวเป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดได้เพราะมิฉะนั้นค่าขาดประโยชน์อาจเกินราคารถยนต์ที่เช่าซื้อประกอบกับต้องคำนึงว่าการใช้รถยนต์ที่เช่าซื้อจะใช้ไปได้นานอีกเท่าไรจึงไม่เป็นการพิพากษาเกินกว่าคำขอ ข้อความในสัญญาเช่าซื้อข้อ8ที่ระบุว่าในกรณีที่สัญญานี้ต้องสิ้นสุดลงเพราะผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อหรือเพราะประพฤติผิดสัญญาเช่าซื้อข้อใดก็ดีผู้เช่าซื้อจำต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างอยู่ทั้งหมดข้อสัญญาดังกล่าวเป็นการกำหนดค่าเสียหายวิธีหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับไว้ล่วงหน้าอันเป็นการกำหนดความรับผิดของผู้เช่าซื้อนอกเหนือและแตกต่างไปจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา574วรรคแรกแต่มาตราดังกล่าวมิใช่กฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนและข้อกำหนดตามสัญญาเช่าซื้อข้อ8มิได้เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนจึงใช้บังคับได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมหลังทำสัญญา จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซื้อแก่โจทก์ตั้งแต่ง งวดที่ 16 และจำเลยที่ 1 ยังคงครอบครองใช้รถยนต์ของโจทก์ต่อไป ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกัน ส่งมอบรถยนต์ หากส่งคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ราคาเป็นเงิน 600,000 บาทให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 200,618.78 บาท ให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์เป็นเงิน5,500 บาท พร้อมค่าเสียหายวันละ 500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่า จำเลยทั้งสามจะร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนหรือชดใช้ราคาแก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ของต้นเงิน 181,577 บาท และอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 5,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามส่งมอบรถยนต์ตามฟ้องคืนให้โจทก์ในสภาพใช้การได้ดี ถ้าไม่ส่งมอบคืน ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ราคาแทน 340,457 บาท ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์จำนวน1,430 บาท และชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ต่อไปอีกวันละ 150 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ต่อไปอีกวันละ 150 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์คืน แต่ไม่เกิน 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาข้อแรกว่า การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์เป็นเวลา1 ปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์คืนนั้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 เพราะเป็นการพิพากษาเกินกว่าคำขอ เห็นว่า การกำหนดค่าเสียหายดังกล่าวเป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดได้ เพราะมิฉะนั้นค่าขาดประโยชน์อาจเกินราคารถยนต์ที่เช่าซื้อประกอบกับต้องคำนึงว่าการใช้รถยนต์ที่เช่าซื้อจะใช้ไปได้นานอีกเท่าไร จึงไม่เป็นการพิพากษาเกินกว่าคำขอ
ที่โจทก์ฎีกาข้อที่สองว่า โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระตามข้อกำหนดสัญญาเช่าซื้อข้อ 8 ด้วยนั้น เห็นว่าข้อความในสัญญาเช่าซื้อข้อ 8 ที่ระบุว่า ในกรณีที่สัญญานี้ต้องสิ้นสุดลงเพราะผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อหรือเพราะประพฤติผิดสัญญาเช่าซื้อข้อใดก็ดี ผู้เช่าซื้อจำต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างอยู่ทั้งหมด ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นการกำหนดค่าเสียหายวิธีหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับไว้ล่วงหน้าอันเป็นการกำหนดความรับผิดของผู้เช่าซื้อนอกเหนือและแตกต่างไปจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 574 วรรคแรก แต่มาตราดังกล่าวมิใช่กฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนและข้อกำหนดตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 8 มิได้เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนจึงใช้บังคับได้ แต่ค่าเสียหายส่วนนี้เมื่อคำนวณตามวิธีการในข้อกำหนดตามสัญญา และทางได้เสียของโจทก์แล้ว เป็นการเรียกมาสูงเกินสมควรไป เห็นสมควรกำหนดให้เหมาะสมเป็นเงิน 100,000 บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์อีก 100,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 กันยายน 2534 จนกว่าจำเลยทั้งสามจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share