แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
คู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1(11) หมายความว่า บุคคลผู้ยื่นฟ้องหรือถูกฟ้องต่อศาลซึ่งในชั้นร้องขอกันส่วน คู่ความ คือผู้ร้องทั้งสองกับโจทก์ผู้ซึ่งยื่นคำคัดค้านเข้ามาในคดี ส่วนจำเลยทั้งสองนั้นหาได้เป็นคู่ความในชั้นขอกันส่วนไม่ คู่ความคงมีเฉพาะผู้ร้องกับโจทก์เท่านั้น ดังนั้น แม้จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตายไปก่อนวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ก็มิใช่กรณีที่จะขอให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปจนกว่าจะมีผู้เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 1 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 2,000,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 24 มีนาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 183,333.33 บาท ตามที่โจทก์ขอ หากจำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาโจทก์จึงขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 5345, 27171, 27172 และ 27173 ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ออกขายทอดตลาด
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 5345 , 27171, 27172 และ 27173 ที่โจทก์นำยึด ผู้ร้องทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยทั้งสอง โดยผู้ร้องทั้งสองและจำเลยทั้งสองได้ตกลงแบ่งแยกที่ดินกันเป็นส่วนสัดแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิยึดที่ดินส่วนของผู้ร้องทั้งสองแปลงออกขายทอดตลาด ขอให้ศาลมีคำสั่งกันส่วนที่ดินของผู้ร้องทั้งสอง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องและจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดินพิพาททั้งสี่แปลงร่วมกัน ไม่มีการแบ่งแยกการครอบครองกันเป็นส่วนสัด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตายแล้ว แต่ยังไม่มีผู้ใดขอเข้าเป็นคู่ความแทน ขอให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปจนกว่าจะมีผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (11) หมายความว่า บุคคลผู้ยื่นคำฟ้องหรือถูกฟ้อง ในคดีนี้ผู้ร้องขอกันส่วน จำเลยทั้งสองมิได้เป็นบุคคลยื่นคำฟ้องหรือถูกฟ้องในคดีนี้ กรณีจึงไม่ต้องเรียกคู่ความมาแทนที่ ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปจนกว่าจะมีผู้เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 1 ซึ่งถึงแก่ความตายในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกานั้น เห็นว่า การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในประเด็นนี้จะต้องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 แต่เมื่อคดีมาสู่ศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียว โดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยก่อน เห็นว่า คู่ความประมวลกฎหมายวิธิจารณาความแพ่งมาตรา 1 (11) หมายความว่า บุคคลผู้ยื่นฟ้องหรือถูกฟ้องต่อศาลซึ่งในชั้นร้องขอกันส่วน คู่ความคือ ผู้ร้อง ผู้ร้องทั้งสองกับโจทก์ผู้ซึ่งยื่นคำคัดค้านเข้ามาในคดี ส่วนจำเลยทั้งสองนั้นหาได้เป็นคู่ความในชั้นขอกันส่วนไม่ คู่ความคงมีเฉพาะผู้ร้องกับโจทก์เท่านั้น ดังนั้น แม้จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตายไปก่อนวันนัดอ่านคำพิพากษา ก็มิใช่กรณีที่จะขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปจนกว่าจะมีผู้เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ