คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7436/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ภาระจำยอมเมื่อจดทะเบียนแล้วมีผลผูกพันตราบเท่าที่ยังไม่มีการยกเลิกเพิกถอนเพราะเป็นทรัพยสิทธิที่ก่อตั้งขึ้นโดยอำนาจของกฎหมายตาม ป.พ.พ.มาตรา 1298 ทั้งจำเลยที่ 2 มิได้ฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนภาระจำยอมเข้ามาในคดีนี้ แต่ฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากและคดีดังกล่าวยังไม่มีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือกลับว่าการจดทะเบียนภาระจำยอมไม่ชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอน จึงต้องฟังว่าการจดะเบียนภาระจำยอมชอบและมีผลผูกพันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นคู่ความในคดีดังกล่าวและเจ้าของที่ดินภารยทรัพย์ให้ต้องปฏิบัติตาม แม้จำเลยที่ 2 จะอ้างว่าไม่รู้ว่ามีการจดทะเบียนภาระจำยอม ก็ไม่เป็นเหตุให้ยกเว้นความรับผิดในเรื่องทรัพยสิทธิที่จดทะเบียนแล้วได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนท่อนเหล็กที่นำมาปิดกั้นออกไปจากทางภาระจำยอมโฉนดที่ 46746 และ 54750 ตำบลลำลูกกา (คลองหกวาสายล่างฝั่งเหนือ) อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี หากจำเลยทั้งสองไม่รื้อถอนก็ให้โจทก์เป็นผู้รื้อเอง โดยจำเลยทั้งสองร่วมกันเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อ ห้ามจำเลยทั้งสองกระทำการใดๆ เป็นการปิดกั้นหรือกีดขวางการผ่านเข้าออกของโจทก์และบริวารบนทางภาระจำยอม กับให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 200,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนท่อนเหล็กออกไปจากทางภาระจำยอม
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนท่อนเหล็กที่นำมาปิดกั้นออกไปจากทางภาระจำยอมโฉนดเลขที่ 46746 และ 54750 ตำบลลำลูกกา (คลองหกวาสายล่างฝั่งเหนือ) อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี หากจำเลยทั้งสองไม่รื้อถอนก็ให้โจทก์เป็นผู้รื้อเอง โดยจำเลยทั้งสองร่วมกันเสียค่าใช้จ่าย กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 10,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27 มิถุนายน 2545 ) เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2546 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกคำขอของโจทก์ที่ว่าถ้าจำเลยทั้งสองไม่รื้อถอนให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันเสียค่าใช้จ่าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “….ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2776 ตั้งอยู่ตำบลลำลูกกา (คลองหกวาสายล่างฝั่งเหนือ) อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ของโจทก์เป็นสามยทรัพย์ได้ภาระจำยอมโดยการจดทะเบียนจากที่ดินภารยทรัพย์ของจำเลยที่ 2 โฉนดเลขที่ 46746 และ 54750 ตั้งอยู่ตำบลลำลูกกา (คลองหกวาสายล่างฝั่งเหนือ) อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เป็นทางเดินทางรถยนต์ ต่อมาจำเลยที่ 2 ฟ้องจำเลยที่ 1 และนายชูแสง ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนภาระจำยอมเป็นอีกคดีหนึ่งโดยอ้างว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับนายชูแสงปลอมหนังสือมอบอำนาจให้จดทะเบียนภาระจำยอม โดยมีโจทก์ยื่นคำร้องสอดเข้าเป็นคู่ความ ในคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยฟังว่าพยานหลักฐานที่นำสืบมาฟังไม่ได้ว่าหนังสือมอบอำนาจให้จดทะเบียนภาระจำยอมเป็นเอกสารปลอม ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คดีอยู่ระหว่างฎีกา คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ประการแรกว่า การจดทะเบียนภาระจำยอมมีผลผูกพันตราบเท่าที่ยังไม่มีการยกเลิกเพิกถอนเพราะเป็นทรัพยสิทธิที่ก่อตั้งขึ้นโดยอำนาจของกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1298 ทั้งจำเลยที่ 2 มิได้ฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนภาระจำยอมเข้ามาในคดีนี้ แต่ฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากและคดีดังกล่าวยังไม่มีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือกลับว่าการจดทะเบียนภาระจำยอมไม่ชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอน จึงต้องฟังว่าการจดทะเบียน ภาระจำยอมชอบและมีผลผูกพันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นคู่ความในคดีดังกล่าวและเจ้าของที่ดินภารยทรัพย์ให้ต้องปฏิบัติตาม แม้จำเลยที่ 2 จะอ้างว่าไม่รู้ว่ามีการจดทะเบียนภาระจำยอม ก็ไม่เป็นเหตุให้ยกเว้นความรับผิดในเรื่องทรัพยสิทธิที่จดทะเบียนแล้วได้ ฎีกาจำเลยที่ 2 ในปัญหานี้ฟังไม่ขึ้น
คดีมีปัญหาตามฎีกาจำเลยที่ 2 ประการสุดท้ายว่า สมควรกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์เป็นจำนวนเท่าใด เห็นว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดค่าเสียหายในส่วนนี้ให้โจทก์โดยคำนึงถึงทางได้ทางเสียของโจทก์จำเลยทุกประการแล้ว ข้อฎีกาของจำเลยที่ 2 อ้างเพียงจำเลยที่ 2 เป็นผู้ใช้สิทธิโดยสุจริตในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่จะป้องกันและขัดขวางผู้ที่จะมาทำให้ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 เสียหายเท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดค่าเสียหายเดือนละ 10,000 บาท ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยที่ 2 ในปัญหานี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share