แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขับรถยนต์ประจำทาง ผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์ แล่นตามหลังไปทางเดียวกัน รถของผู้เสียหายแล่นอยู่ในช่องเดินรถด้านขวา ส่วนรถของจำเลยแล่นอยู่ในช่องเดินรถด้านซ้าย รถของจำเลยได้ผ่านรถประจำทางที่จอดอยู่ออกไปทางช่องรถด้านขวาอย่างกระทันหัน โดยไม่เดินรถให้ช้าลงพอควร และไม่ได้ให้สัญญาณแตรตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 13, 32 รถของผู้เสียหายที่แล่นตามหลังไม่สามารถหลบหลีกได้ เป็นเหตุให้กะบังหน้ารถของผู้เสียหายด้านซ้ายกระแทกกันชนด้านขวาของรถของจำเลย รถของผู้เสียหายแฉลบล้มลง ตัวผู้เสียหายกระเด็นไปถูกล้อรถยนต์ซึ่งแล่นสวนทางมาดันครูดไปตามถนน ทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า จำเลยขับรถประจำทางซึ่งเครื่องห้ามล้อมือและเท้าใช้การไม่ได้ ไปตามถนนประชาธิปก โดยขับแล่นตามหลังรถประจำทางอีกคันหนึ่ง ขณะที่รถประจำทางคันดังกล่าวหยุดรับส่งผู้โดยสารที่ป้ายหยุดรถ จำเลยได้เดินรถแซงในที่คับขัน ผ่านรถประจำทางคันดังกล่าวที่จอดอยู่ไปทางขวามือโดยไม่ได้ให้สัญญาณแตรและไม่เดินรถให้ช้าลงพอควร เป็นเหตุให้รถที่จำเลยขับชนรถจักรยานยนต์ซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้ขับ แล้วรถของโจทก์ร่วมเสียหลักแฉลบกินทางไปด้านขวามือ พุ่งเข้าชนรถยนต์แท๊กซี่ซึ่งนายเตี่ยวเฮง แซ่อึ๊ง เป็นผู้ขับและแล่นสวนทางกัน เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายแก่กายสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า ๒๐ วัน ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า รถจำเลยชนรถของโจทก์ร่วม แม้โจทก์ร่วมมิได้ระวังดูรถข้างหน้าที่จะแซงออกมา แต่จำเลยแซงรถประจำทางออกไปจนเกิดชนรถโจทก์ร่วม เป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บถึงสาหัส และจำเลยขับรถที่มีห้ามล้อมือและเท้าใช้การไม่ได้ พิพากษาว่าจำเลยผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๑๓, ๒๙(๔), ๖๖ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐ กฎกระทรวงมหาดไทยออกตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๒) ข้อ ๑๓ และ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๔๗๓ มาตรา ๕, ๓๒ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐ อันเป็นกระทงหนักตามมาตรา ๙๑ จำคุก ๔ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า รถจำเลยขับมาในอัตรา ๓๕ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตรงที่เกิดเหตุถนนหน้ากว้างวิ่งได้สองแถว แซงขึ้นหน้าไม่ต้องให้สัญญาณ รถโจทก์ร่วมขับมาทีหลังมีหน้าที่ต้องระวังรถข้างหน้า จะต้องเบาเครื่องในเมื่อรถจำเลยเหหัวรถหลบรถประจำทางที่เข้าป้ายจอดรถ โจทก์ร่วมแซงรถจำเลยอีกต่อหนึ่ง ถือว่าเป็นความประมาทของโจทก์ร่วม จำเลยไม่ได้ประมาท และฟังได้ว่าจำเลยขับรถที่มีห้ามล้อมือและเท้าใช้การไม่ได้ พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๑๖ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ มาตรา ๔ กฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๒) ข้อ ๑๓ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๔๗๓ มาตรา ๕, ๓๒ ให้ปรับ ๑๐๐ บาท
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รถของจำเลยและรถของโจทก์ร่วมแล่นไปทางเดียวกัน รถของโจทก์ร่วมแล่นอยู่ในช่องเดินรถด้านขวา รถจำเลยแล่นอยู่ในช่องเดินรถด้านซ้าย และได้ผ่านรถประจำทางที่จอดอยู่ออกไปทางช่องเดินรถด้านขวาอย่างกระทันหันโดยไม่เดินรถให้ช้าลงพอควร และไม่ได้ให้สัญญาณแตรดังที่บัญญัติในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๑๓, ๓๒ รถโจทก์ร่วมไม่สามารถหลบหลีกได้ เป็นเหตุให้กะบังหน้ารถของโจทก์ร่วมด้านซ้ายกระแทกกันชนด้านขวาของรถจำเลย รถของโจทก์ร่วมแฉลบล้มลง ตัวโจทก์ร่วมกระเด็นไปถูกล้อรถแท๊กซี่ซึ่งแล่นสวนทางมาดันครูดไปตามถนน เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัส การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัส
พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๑๓, ๒๙(๔), ๖๖ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ มาตรา ๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐ กฎกระทรวงมหาดไทยออกตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๒) ข้อ ๑๓ และพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๔๗๓ มาตรา ๕, ๓๒ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐ อันเป็นบทที่หนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ส่วนโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.