แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บิดาโดยพฤตินัย อยู่กินกับมารดาโจทก์โดยมิได้จดทะเบียนสมรสแม้จะได้ปกครองเลี้ยงดูโจทก์ตลอดมาก็ไม่อาจเป็นบิดาหรือเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายได้
จำเลยครอบครองทรัพย์สินแทนโจทก์อยู่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนาจะยึดถือดังกล่าวต่อไป หรือฝ่ายจำเลยครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอกตราบนั้นจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของ
โจทก์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม ฟ้องเรียกมรดกเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วสามเดือนเศษแม้เจ้ามรดกจะตายมาสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกซึ่งโจทก์ได้รับจากมารดาไว้แทนโจทก์ตั้งแต่โจทก์ยังเยาว์อยู่ บัดนี้โจทก์อายุครบ 20 ปีแล้ว จึงขอคืนจากจำเลย แต่จำเลยไม่ยอมคืน ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยสู้ว่า จำเลยไม่ได้ครอบครองทรัพย์แทนโจทก์ แต่ครอบครองตามส่วนของจำเลยโดยลำพัง โจทก์มีบิดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมอยู่แล้ว ไม่ฟ้องเรียกทรัพย์ภายในกำหนด 10 ปี คดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วไม่เชื่อว่าจำเลยทั้งสองได้รับทรัพย์ตามฟ้องไว้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยได้รับทรัพย์ตามฟ้องไว้ แต่ไม่ทุกรายการจึงพิพากษาแก้ให้จำเลยแบ่งคืนทรัพย์ให้โจทก์ตามที่สืบฟังได้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทตามฟ้องเป็นที่แปลงเดียวกับที่ดินที่จำเลยครอบครองอยู่ และจำเลยได้ครอบครองทรัพย์มรดกอันดับ 2, 3 และ 8 ไว้ การครอบครองเป็นการครอบครองแทนโจทก์ และตราบใดที่จำเลยยังมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนาจะยึดถือดังกล่าวต่อไป หรือจำเลยเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอก ตราบนั้นจำเลยยังไม่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของ
ที่จำเลยฎีกาว่า นายจั๊วเป็นบิดาโจทก์ ปกครองโจทก์ตลอดมาจึงเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมโจทก์ เห็นว่านายจั๊วไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนางเยื้องมารดาโจทก์ แม้นายจั๊วจะปกครองเลี้ยงดูโจทก์ตลอดมาก็ไม่อาจเป็นบิดาโจทก์ หรือเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายได้ โจทก์ยื่นฟ้องเรียกมรดกเมื่ออายุได้ 20 ปีกับ 3 เดือนเศษ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ จำเลยต้องคืนทรัพย์ให้โจทก์
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย