แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยจงใจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเป็นเหตุให้จำเลยได้รับเลือกตั้ง ภายหลังศาลมีคำสั่งว่าจำเลยเป็นผู้มิได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โจทก์เสียหายโดยต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมขึ้นใหม่ หากโจทก์นำสืบได้ว่าจำเลยกระทำตามที่โจทก์บรรยายฟ้องย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยละเมิดต่อโจทก์ศาลจึงควรรับฟ้องโจทก์และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้งแล้วจึงพิพากษา ไม่ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียตั้งแต่ในชั้นตรวจคำฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จงใจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ โดยกรอกข้อความลงในใบสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานีว่าจำเลยมีบิดาและมารดาเป็นคนสัญชาติไทย จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.6) ซึ่งแสดงว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานี ผลของการแจ้งเท็จดังกล่าวทำให้จำเลยได้รับการสมัครรับเลือกตั้ง ภายหลังศาลจังหวัดปัตตานีได้มีคำสั่งว่า จำเลยเป็นผู้มิได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายคดีถึงที่สุดแล้ว การกระทำของจำเลยดังกล่าว ทำให้เทศบาลเมืองปัตตานีต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานีขึ้นใหม่แทนตำแหน่งของจำเลยที่ว่างลง และในการจัดการเลือกตั้งใหม่นี้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง และบัตรเลือกตั้งตัวอย่างจำนวน 18,500 ฉบับ คิดเป็นเงิน12,025 บาท มอบให้เทศบาลเมืองปัตตานี การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาและบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 12,025 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินให้แก่โจทก์เสร็จ
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้ว เห็นว่าการที่โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพิมพ์บัตรเลือกตั้งขึ้นใหม่ตามฟ้องนั้น เป็นเรื่องที่โจทก์ต้องดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้ว มิได้มีสาเหตุโดยตรงจากการที่จำเลยแจ้งคุณสมบัติไม่ถูกต้องในการสมัครรับเลือกตั้งการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ให้ยกฟ้องโจทก์ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องแสดงว่าจำเลยจงใจกระทำผิดกฎหมาย เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ย่อมเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ฟ้องของโจทก์ควรได้รับการพิจารณาต่อไป พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลในชั้นนี้ให้รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าจำเลยมีบิดาเป็นคนต่างด้าว เชื้อชาติจีน สัญชาติจีน จำเลยจบการศึกษาระดับ 4 (ประโยคมัธยมศึกษาตอนต้น) จึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตามกฎหมาย จำเลยจงใจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ โดยกรอกข้อความลงในใบสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานีว่า จำเลยมีบิดามารดาเป็นคนสัญชาติไทยจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.6) แสดงว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานีโดยผลการแจ้งเท็จ จำเลยได้รับการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานี และได้รับหมายเลขประจำตัวเลขที่ 22ต่อมาจำเลยได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานี ภายหลังศาลจังหวัดปัตตานีมีคำสั่งว่าจำเลยเป็นผู้มิได้รับเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายเทศบาลเมืองปัตตานีต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมขึ้นใหม่แทนตำแหน่งของจำเลยที่ว่างลง ทำให้โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพิมพ์บัตรเลือกตั้งและบัตรเลือกตั้งตัวอย่างจำนวน18,500 ฉบับ คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 12,025 บาท ศาลฎีกาเห็นว่าหากโจทก์นำสืบได้ว่าจำเลยกระทำตามที่โจทก์บรรยายฟ้องย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยละเมิดต่อโจทก์ ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นศาลจึงควรรับฟ้องโจทก์และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้ง แล้วจึงพิพากษา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฏีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลในชั้นนี้ ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่.